วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

กรรมจะหมดทันที เมื่อหมดความเป็นตัวตน

ในภาพอาจจะมี สถานที่กลางแจ้ง

โอวาทธรรมก่อนนอนคืนนี้จากอาม่า
(พรุ่งนี้ขึ้นเครื่องเดินทางแต่เช้า)

เมื่อเราเป็นผู้ที่บริสุทธิ์
และ
สำนึกที่แท้จริงแล้ว
เราก็ไม่ต้องกังวล
เรื่องวิบากกรรมใดๆอีกต่อไป
เมื่อเราใจบริสุทธ์เสียแล้ว 
การชดใช้กรรมนั้นมันก็ยุติสำหรับเราทันที

จะมีเหลือก็แต่ 
การอนิจจังของรูปธาตุและนามธาตุเท่านั้น
แต่หาใช่เกิดมาจากการชดใช้
โดยมีความเป็นเราไม่
กรรมจะหมดทันที 
เมื่อหมดความเป็นตัวตน 
ตัวกูของกู
แม้เป็นโรคร้าย ต้องตาย 
ก็จะไม่ใช่กรรม
ด้วย........
จิตแห่งพระอริยะเจ้านั้น 
จะพลิกมองว่า 
มันเป็นแค่ธาตุธรรมชาติ 
เสื่อมดับตามเหตุปัจจัย เท่านั้น

ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือเสวยผลเหล่านั้น
พลิกจิตมาเป็นพระอริยะเจ้ากันเถิดลูกๆของอาม่าเอ๋ย
แค่กระแสปรุงแต่งแห่งธรรมชาติ ตามเหตุตามปัจจัย
ธรรมดา ธรรมชาติที่สุด
ที่ธาตุจะแปรธาตุ
เราก็อย่าเป็นเจ้าของ ไปปรุงซ้ำ ปรุงซ้อน 
ให้หลงวกวน หลงโลก หลงธรรม

จนเป็นทุกข์กันมากมายนักเลย
****ย้ำอีกครั้ง****
สังขารหรือธรรมชาตินี้
คือการปรุงแต่ง
หน้าที่ของสังขาร
มันเป็นธรรมดาธรรมชาติของมัน
......................
ความเจ็บ ความตาย เป็นหน้าที่ของสังขารเขา

สังขารคือสิ่งปรุงแต่งธรรมชาติอันจากเหตุ จากปัจจัย
เมื่อเหตุปัจจัยบางส่วน "รวน" หรือหยุดปรุงแต่ง
มันก็มีความเจ็บ ความตายบางส่วน
ปรากฏออกมาสำหรับสังขาร
อันเป็นธรรมชาติของส่วนนั้น
จึงถือว่า...
การเจ็บ การตายเป็นหน้าที่ของสังขาร
หรือ 
สังขารมีหน้าที่ที่จะต้องเจ็บต้องตายเป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้น 
ลูกๆจึงไม่ควรมีความประหลาดใจอะไรในส่วนนี้มากนัก
ส่วนการทำประโยชน์ให้ดีที่สุด
เป็นหน้าที่ของคนที่มีชีวิตอยู่ 
คนที่ยังแข็งแรงอยู่

คนที่มีชีวิตอยู่ 
คนที่ยังมีกำลังอยู่ก็ต้องบำเพ็ญหน้าที่ของตนสืบไป
หน้าที่ในความหมายที่ว่า...
จะให้ชีวิตนี้มีประโยชน์ที่สุด
ส่วนตัว...ก็ได้รับประโยชน์
ส่วนในสังคมวงแคบ เช่น บ้านเมือง ประเทศ 
ก็ได้รับประโยชน์ ในวงกว้างที่สุด
โลกก็ควรได้รับประโยชน์ 
จากสังขารที่ยังดำรงอยู่ได้
ถ้าใคร 
ตื่นเต้นกันมาก ทุกข์ร้อนกันมาก
ถือว่า
"ไม่ใช่ลูกอาม่าจริง"

แต่...
ถ้าใคร 
ทำหน้าที่ ต่อไปตามที่อาม่าสอน 
ให้วางตน เป็นประโยชน์โลก
ถือว่า 
"เป็นลูกอาม่า"
อย่ารักอาม่า 
โดยยึดธาตุขันธ์นี้ว่าเป็นครูบาอาจารย์
แต่...
จงรัก ธรรมะและปนิธานของอาม่า

อาม่า...พระเชนเรซิก!!!!
#อาม่า พระเชนเรซิก#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์