ถามตนเอง ว่าทำไม คำตอบคือ
" ไม่รู้ ไม่มีเหตุผล"
แต่ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากเอ่ยถึง และน้อยใจลึกๆ
จนค่ำคืนหนึ่ง
นิมิตเห็น ทะเลกว้างใหญ่ มีเรือลำใหญ่เท่าภูเขาลอยอยู่
และมีพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่ เกือบเท่าภูเขาเหมือนกับอยู่ในเรือ
เรือลำนั้น ค่อยๆลอยออกไป
อาม่าอยู่บนฝั่งตะโกนว่า
"ท่านพ่อ รอก่อนๆๆๆ ลูกยังไม่ได้ขึ้นเรือ"
ท่านตอบว่า
"เชนเรซิกเอ๋ย ทำหน้าที่ของลูกไป ถึงเวลาพ่อจะมารับ"
ในฝันนั้น ทั้งกลัว ทั้งว้าเหว่ ทั้งเสียใจ
ตะโกนก้อง จนผวาตื่น
ตื่นขึ้นมาน้ำตายังเต็มตา ก็ยังแอบคิดว่า
"เฮ้อ!!หลอกว่าพามาเที่ยว ที่แท้ พามาทิ้ง!!!"
ตั้งแต่นั้น ก็รู้ปมในใจตน
แต่ก็ยังเอาแต่ใจ เคืองอยู่ลึกๆ เหมือนเดิมนั่นแหละ
ทิ้งช่วงไปเป็นเดือนเป็นปี
วันนั้น..นั่งอยู่ดีๆ
มีพลังงานลงมาเป็นสาย ช้อตๆๆๆๆๆ
จน สั่นไปทั้งร่าง ช้อตจนอาม่าตาเหลือก หนีก็ไม่ได้
มีภาษาจิตมาสื่อว่า
เป็นพลังเคลื่อนย้ายจักรวาล ของพระอมิตภะ
ใช้รักษาและช่วยเหลือคนได้
และได้ยินเสียงโองการก้องโลกธาตุในจิตว่า
งงๆ อยู่เหมือนกัน เฮ้ย!!! สุขาวดีนี่มีจริงหรือวะ
ช้อตลงมาแบบนี้เลย
ปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงาน ในการโปรดภพภูมิ
และล้างธาตุขันธ์มนุษย์
ในช่วงหลังๆ แต่ก็ยัง งอน ท่านอยู่ดี
ถึงวันนี้
เมื่อเข้าใจที่มา เข้าใจปนิธาน เข้าใจหน้าที่โพธิสัตว์
และได้โปรด ทั้งภาคทิพย์ภาคหยาบ
ได้แสดงธรรม และลงสนามชีวิตจริง
ได้คลายความทุกข์กาย ทุกข์ใจของสรรพสัตว์มากมาย
จึงได้รู้ว่า มหาปนิธานต่างหากคือบ้านของเรา
เมื่อใดก็ตามที่เราได้ทำหน้าที่
เมื่อนั้น จิตภายในเขาจะปิติเบิกบาน เติมเต็ม
เพิ่งเข้าใจพ่อท่าน เพิ่งรักพ่อท่าน และรักด้วยหัวใจจริงๆ
อาม่าจึงขอให้ลูกๆ ที่ว้าเหว่ และเหมือนพลัดพรากบ้านที่จากมานาน จงสร้างความคิดใหม่เถิดว่า
***แท้จริงแล้ว พ่อที่อยู่บนฟ้า เฝ้าดูแลเราเสมอ
ที่สำคัญหน้าที่และโพธิจิต ต่างหากคือบ้านที่แท้จริงของเรา***
พระเชนเรซิก
น้ำตายังเต็มตา
"หลอกว่าพามาเที่ยว ที่แท้ พามาทิ้ง"
คุณอาจไม่ศรัทธาพระพุทธเจ้า
คุณอาจไม่ศรัทธาพระโพธิสัตว์
แต่ไม่อาจที่จะไม่เชื่อกฏแห่งกรรม
พระอมิตาภพุทธเจ้าคือสัจธรรม
เพราะพระองค์มีพระชนมายุ "อประมาณ"
(อมิตายุส แปลว่าล่วงกาลเวลา)
เพราะพระองค์มีรัศมี "อประมาณ"
(อมิตาภะแปลว่า ทั่วทั้งอวกาศ)
อวกาศไร้ขอบเขต ประมาณไม่ได้ ไม่มีสิ้นสุด
จะมีอะไรที่ใหญ่ยิ่งกว่าอวกาศอีกหรือ
หากบุคคลใดปรารถนาทราบขอบแห่งพุทธเขต
พึงยังจิตตนให้บริสุทธิ์ดุจอวกาศ
จงอาศัยพุทธจิตมองทุกสรรพสิ่ง
กาลใดเห็นว่าเวลาและสรรพสิ่งล้วนงดงาม
เบื้องหน้าของบุคคลนั้น
โสดาบัน รับ รองเพราะผมเข้าถึงรู้แล้ว
คนที่ยังไม่มีรู้ก็ไม่อาจเข้าใจได้
ยกเว้นแต่มีธรรมเสมอกันจึงจะรู้และเข้าใจ
คนมีหลายชั้นจริงๆ
จิตหนึ่งคือ รู้ ผู้จะเข้าถึงได้ต้องตัด อายตนะปรุงแต่งเดิมก่อน
จึงจะเข้าถึง ธรรมะฐีติ
คือ ธรรมเดิม รู้ คือจิตเดิมแท้ คือโสดาบัน นั้นเอง
ประกิต เจริญจิตรจันทร
อาม่าจึงรู้ความว้าเหว่ ของเหล่าโพธิ
เพราะผ่านมาหมดแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น