วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สังขารุเปกขาญาน



เมื่อวานโพสต์
"สังขารุเปกขาญาน" 
ญานสุดท้ายก่อนที่อริยะมรรคจะเกิดและข้ามโครต
วันนี้มาต่อกันด้วย
" โครตภูญาน" 
ญานข้ามโครตที่เปลี่ยนบุคคลหนึ่งกลายเป็นบุคคลหนึ่ง 
ทำให้ปุถุชนกลายเป็นพระอริยเจ้า
คนที่ข้ามผ่านญานนี้ 
พระพุทธองค์ตรัสว่าต้องใจเด็ดจริงๆ 
เพราะกลับกลังไม่ได้แล้ว 
หวนคืนไม่ได้แล้ว

จากเดิมนามสกุลปุถุชน 
กิเลสหนาแน่น ทุกข์เยอะ
กำหนดภพชาติไม่ได้
เปลี่ยนมาเป็นอริยะ 
กิเลสน้อยลง ทุกข์น้อยลง 
กำหนดภพชาติได้ 
และจะหมดไปในที่สุด
"โคตระ" 
ก็คือนามสกุล แล้วข้ามโครต เปลี่ยนนามสกุล 
เปลี่ยนโครตไป ไม่สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา 
กลับไปกลับมาได้อีก
หากลูกๆ ฝึกจนได้สังขารุเปกขาญาน 
ที่อาม่าเพิ่งแสดงธรรมผ่านไป 
ก็ยังมีโอกาสตกหล่น 
เพราะญานก็ยังไม่เที่ยงเป็นอนิจจัง 
กลับไปกลับมา
แต่ลูกๆจะเข้าใจ วิปัสสนาที่ถูกต้อง 
มองดูอารมณ์ ที่เกิดๆดับๆ 
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวสงบ เดี้ยวทุกข์ 
กลับไปกลับมา
ซึ่งยากมาก 
หากไม่เข้าใจประเด็นนี้ 
หากยังยึดในกายในจิต 
และยึดผลปฏิบัติ ไม่ยอมรับ ไม่เข้าใจสังขาร
(การปรุงแต่ง)
ว่ามันเป็นธรรมชาติที่ต้องเกิดดับของมันอยู่แล้ว
ยังพยายาม ดับ พยายามเผา 
พยายามทำลายกิเลส 
ต่อสู้หวั่นไหว ฟู แฟบ
ในสภาวะธรรมต่างๆ
แต่มาถึง ญานนี้ จิตจะทิ้งสังขาร 
หันหลังให้สังขารไม่เอาแล้ว 
(มึงจะปรุงแต่งรูปและนามใดๆก็ปรุงไป จิตบอกว่า กูไม่สน)
จิตใจมั่นคงตามปัญญา 
รู้สึกเป็นกลาง วางใจเป็นกลาง ต่อสังขารทั้งหลายได้
เราทำลายกิเลส 
ซึ่งเป็นธรรมชาติไม่ได้หรอกนะ 
ไปทำลายมันทำไม มันไม่ใช่ของเรา
ธรรมชาติของเขา หน้าที่ของเขา 
ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยอยู่แล้ว
เพียงแค่รู้จักตนเอง จนถึงที่สุด
ตัวตนเราก็ไม่มี 
เป็นแค่กระแสปรุงแต่งแห่งธรรมชาติ ตามเหตุตามปัจจัย
ยังจะไปยึด ไปคว้า กิเลส มาเป็นของตนทำไม
จะทิ้งมันได้ ต้องดูมันเฉยๆ เห็นมันเกิดเห็นมันดับ 
และไม่ปฎิเสธ และไม่ยอมรับมัน
เมื่อเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์
(เปลี่ยนแปลง)
มีแต่ทุกข์ คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดดับ
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเลย

ปัญญาเฉียบคมขนาดนี้ ทวิภาวะดับ ธรรมคู่จบ
โลกธรรม8 ไร้ใครเป็นเจ้าของ

ทุกข์และผู้ทุกข์ไม่มี จิตจะพลิก เข้าใจธรรมชาติ
เมื่อจิตพลิกจากสังขารมาสู่วิสังขารคือพระนิพพาน
ก็จะเกิดมัคคญาน โครตภูญาน ที่มีนิพพานเป็นอารมณ์
ญานนี้เป็นญานคั่นระหว่างปุถุชนกับอริยะ
จะเปลี่ยนบุคคลนั้นอย่างถาวร ไม่กลับมาเป็นปุถุชนได้อีก
***
ข้ามโครตแล้ว จะไม่กลับหลัง มาผิดศีลผิดธรรมอีก
เพราะ เห็นทุกสิ่งเป็นแค่รูปนามตาม ธรรมชาติ
ไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้งให้ท่านหลงโลก
กลับไปกลับมา เข้าๆออกๆอีกต่อไป
****
#อาม่า#(พระเชนเรซิก)

ไม่ใช่ไม่ปรุงแต่ง
แต่เข้าใจและมองเห็นการปรุงแต่งนั้น

จิตก็จะไม่เอามัน โดยธรรมชาติ ของการรู้เท่าทัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์