วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ตัวชีวิต นี่แหละลูก คือธรรมะ

ในภาพอาจจะมี เครื่องบิน
  • อาม่า ขอย้ำกับลูกๆอาม่าอีกครั้งว่า
  • #ตัวชีวิต#นี่แหละลูก คือธรรมะ
  • มันไม่ได้แยกไปจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันเลย
  • ลูกมิได้มีธรรมะ เมื่อลูกแยกตัวออกจากผู้คน สิ่งแวดล้อม
  • ธรรมะไม่ได้อยู่ในวัด
  • ธรรมะไม่ได้อยู่ สถานธรรม
  • ทุกข์อยู่ที่ไหน ดับที่นั่น
  • ทุกข์เกิดที่กายกับใจนี้
  • กิเลสก็เกิดที่กายกับใจนี้
  • หลุดพ้นก็ยังเป็นเพียง...มายา
  • หลุดพ้นจากความหลุดพ้นใดๆ จึงหลุดพ้นจริง
  • คำว่า "เนกขัมมะ" นะ ลูก
  • คนทั่วไปมักแปลว่าหมายถึงการออกบวช 
  • การใส่ชุดขาว การไปนั่งสมาธิ
  • จริงๆแล้ว ภาวะ เนกขัมมะ 
  • คือการกลับเข้ามาดูภายในแห่งตน
  • แล้วเกิดความเข้าใจจนรู้จักปล่อยวาง
  • สามารถปลีกตนออกจากสิ่งที่เคยยึดติด คืออุปาทาน
  • เพราะถ้าเรารู้จักตนเองอย่างถึงที่สุดแล้ว 
  • เราจะเป็นอิสระจากความรักและความชัง
  • การบวชจึงไม่ใช่การเปลี่ยนรูปลักษณะภายนอกมาสู่ผู้ทรงศีล
  • การบวช จึงมิใช่การทิ้งบ้านเรือน ไปสู่ป่า
  • เนกขัมมะ คือภาวะที่หลุดพ้นจากสิ่งล่อลวง มายา และความยินดีในโลก
    • .....การเป็นนักบวช จึงมิใช่เครื่องแบบ และสถานที่อาศัย
    • .....การเป็นนักบวช อยู่ที่ใจ
  • และ วันใด ที่ลูก ก้าวพ้น ทั้งจาก "ผู้ทุศีลและผู้ทรงศีล"
  • ไม่ติดข้องทั้งสองฝั่ง
  • ลูกก็จะพบความสว่างแห่งปัญญาอย่างแท้จริง
  • ด้วยเหตุนี้ อาม่าจึงสอนลูกๆ เสมอว่า ให้ทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้องตามเหตุปัจจัย
  • สงบ...ท่ามกลางความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
  • นี่แหละลูก คือยอดคน
  • เพราะการทำหน้าที่ที่ถูกต้อง จะเอื้อ ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ต่ออื่น อย่างแท้จริง
  • นิพพานบนดินนะ ลูก
  • นิพพานท่ามกลางสังสารวัฏ
#โอวาทพระเชนเรซิก#

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

อยากบอกว่า "ขอบคุณอีกครั้ง" ที่รักอาม่าค่ะ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



ขอสาธุการและขอบคุณ 
สำหรับทุกคำอวยพร 
ทั้งทางโปร์ไฟล์และอินบ้อก ที่เข้ามาอย่างท่วมท้น 

"อาราธนาขอให้อาม่าอายุยืนหมื่นๆปี"

รวมทั้งลูกๆที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด 
มาร่วมงานบุญและสลับวันจัดงานวันเกิดให้อาม่าในคราวเดียว

ชีวิตอาม่า ไม่สำคัญเท่า"เส้นทางความดี"ของลูกๆ 
ความสว่างในจิตลูกๆที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 
ยกระดับจิตเข้าสู่จิตพระพุทธะ 
คือความสำเร็จสูงสุดของอาม่า 

ความสำเร็จของอาม่า มิใช่สิ่งก่อสร้าง วัตถุ สถานธรรม 
หรือ ชื่อเสียง ลาภสักการะ แต่อย่างใด

สถานธรรมที่สำคัญ ที่อาม่าอิงอาศัย คือ 
สถิต ณ หัวใจลูกๆ ในฐานะแสงสว่างแห่งธรรม

อาม่าอาจไม่สามารถตอบกลับ
และขอบคุณลูกๆได้ทั่วถึง
เพราะภารกิจต่อเนื่องจนมิได้มีเวลาพักผ่อนเลย 
จึงขอขอบคุณคราวเดียวด้วยโพสต์นี้

หลายๆคน รออ่าน"ธรรมะ"จากอาม่า 
ให้อาม่าเสร็จสิ้นภารกิจโปรดภพภูมิก่อนนะคะ

แล้วจะทำหน้าที่ ในการส่งสว่างแสงธรรมให้ลูกๆต่อไป

อยากบอกว่า "ขอบคุณอีกครั้ง" ที่รักอาม่าค่ะ



เหตุใด อาม่าจึงเน้นสอน"ธรรมตถตา"

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง, ห้องรับแขก และ สถานที่ในร่ม

เหตุใด อาม่าจึงเน้นสอน"ธรรมตถตา"แก่ลูกๆ
ที่มีความหมายว่าทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง
(อิทัปปัจจยตาหรือปฎิจจสมุจบาท)

เหตุเพราะ ไม่ว่า เราจะมีวิถีธรรมตามจริตใด
จะเดินสายธรรมใดก็ตาม 

แต่เราก็ต้องมาจบ"มาสรุป"ที่องค์ธรรมนี้ทั้งหมด

พระพุทธองค์ทรงมุ่งสอนให้ขจัดความหลงผิด

คือ สำคัญผิดว่ามีตัวตน เราเขา สัตว์บุคคล 

ผู้ใดเข้าถึงตถตานี้ จะเกิดปัญญาญาน 
สามารถมองเห็นตามความเป็นจริงว่า 

ดีชั่ว-บุญบาป-ได้เสีย 
ลักษณะที่เป็นของคู่ต่างๆนั้น 

เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์บัญญัติขึ้นมา ตามความรู้สึก 
ที่มีอุปาทานแห่งการเป็นตัวตนเท่านั้น

แท้ที่จริง ของคู่เหล่านั้น 
ก็เป็นแค่กระแสปรุงแต่งแห่งธรรมชาติตามเหตุตามปัจจัย 
เหมือนกันหมด เสมอกันหมด มิได้มีคุณค่าสูงต่ำใดๆเลย

......แม้ปัญหาเรื่องเกิดตาย ก็หมดไป 
เพราะคำตอบระดับจิตอย่างพุทธะนั้น

ไม่มีคน ไม่มีการตาย ไม่มีการเกิด 
เป็นแค่กระแสปรุงแต่งธาตุตามธรรมชาติ 
ที่คนเราไปสมมุติบัญญัติ ว่า

สภาวธรรมชาติแบบนี้เกิด 
สภาวธรรมชาติแบบนี่ตาย

ลักษณะธรรมชาติแบบนี้เรียกว่า"แก่"
ลักษณะธรรมชาติแบบนี้เรียกว่า"เจ็บ"

แล้วก็ยึดมั่นกัน ปรุงแต่งจนเกิดความรัก โกรธ เกลียด สุข ทุกข์ต่างๆนานา

"ตถตา"นี้ ทำให้แจ่มแจ้งการเกิดดับแห่งทุกข์ 
สามารถถอนความยึดมั่นในตัวตนได้

ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีผู้กระทำ ไม่มีผู้รับผลกรรม 

ผู้นั้นจะถึง.ความสิ้นไปแห่งกรรมทั้งกรรมเก่ากรรมใหม่
ละไม่กลับมาเกิดอีกด้วยอำนาจตัณหาอุปาทานอีกต่อไป

การมองโลกและชีวิตที่ข้ามพ้นความเป็นคู่ (ทวิภาวะ)

คือการมองโลกในระดับจิตของพระพุทธเจ้า 

เพราะคนที่ตรัสรู้ รู้แจ้งแล้วนั้น 
โลกทั้งโลกของบุคคลนั้นเป็นเอกภพ 

เหลียวไปทางไหนก็เหมือนกันหมด เสมอกันหมด

จึงไม่เกิดความรักความชัง ความโลภความโกรธความหลงในสิ่งใด

กลายเป็นคนที่เหนือความสุขความทุกข์
เป็นอิสระและข้ามพ้นความยึดมั่นทั้งปวงได้

พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสเรียกพระองค์เองว่า
"เรา ตถาคต"แปลว่าผู้ถึงแล้วซึ่งตถตา!!!

จากการ แสดงธรรมที่ผ่านมา ลูกๆอาม่าสว่างในธรรม
และยกระดับจิตวิญญานกันอย่างต่อเนื่อง

และนั่น ก็คือ "แรงใจ"ที่ทำให้อาม่ารู้ว่า
สถานธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

คือการที่อาม่าได้สถิตใน"หัวใจ"ลูกๆ
ในฐานะ อนันตประทีป แสงสว่างแห่งธรรม

ขอปัญญาญาน จงบังเกิดแด่ลูกๆโพธิญานทุกคน

อาม่า#พระเชนเรซิก#

วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สัทธรรมปุณฑริกสูตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สมันตมุขปร



  • สัทธรรมปุณฑริกสูตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สมันตมุขปร (จีนกลาง ดนตรี) พร้อมแปลบทสวดเป็นไทยด้านล่าง
  • หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งคือ ประตูพุทธะแห่งพระโพธิสัตว์กวนอิม

  • ประตูพุทธะ คือ ุจิตเดิมที่ดีงาม สะอาดบริสุทธิ์ ซึ้งไร้กิเลสใดๆสถิตในตัวคนเราทุกคน ใจคนเราโดนกิเลสหรือความชั่วร้ายครอบงำ หลงในสิ่งสมมติทั้งปวง ดังนั้น จงสำแดงจิตแห่งสุขาวดี หรือ พุทธเกษตรออกมา ละบาป บำเพ็ญสิ่งที่ดีงาม ก็จะพบอวโลกิเตศวรหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ได้ ณ ประตูพุทธะนี้เอง ทุกอย่าง สามโลกล้วนเกิดจาก จิต นี้ทั้งสิ้น แสวงหาพุทธะจากนอกใจเรา ก็ห่างไกลจากพุทธะ (เนื้อร้องอยู่ด้านล่าง ^..^ ) จิตคือประุตูมิติเชื่อมได้หมดทุกสามแดนโลกธาตุทั้งจักรวาลและนอกจักรวาล เราคิดอะไรดีหรือไม่ดี สามโลกรู้หมดทันที คือ จิตเรารู้ จิตสู่จิต

世尊妙相具 我今重问彼 佛子何因缘 名为观世音 具足妙相尊
shi zun miao xiang ju wo jin zhong wen bi fo zi he yin yuan ming wei guan shi yin ju zu miao xiang zun
偈答无尽意 汝听观音行 善应诸方所 弘誓深如海 历劫不思议
da wu jin yi ru ting guan yin xing shan ying zhu fang suo hong shi shen ru hai li jie bu si yi
侍多千亿佛 发大清净愿 我为汝略说 闻名及见身 心念不空过
shi duo qian yi fo fa da qing jing yuan wo wei ru lue shuo wen ming ji jian shen xin nian bu kong guo
能灭诸有苦 假使兴害意 推落大火坑 念彼观音力 火坑变成池
neng mie zhu you ku jia shi xing hai yi tui luo da huo keng nian bi guan yin li huo keng bian cheng chi
或漂流巨海 龙鱼诸鬼难 念彼观音力 波浪不能没 或在须弥峰
huo piao liu ju hai long yu zhu gui nan nian bi guan yin li bo lang bu neng mei huo zai xu mi feng
为人所推堕 念彼观音力 如日虚空住 或被恶人逐 堕落金刚山
wei ren suo tui duo nian bi guan yin li ru ri xu kong zhu huo bei e ren zhu duo luo jin gang shan
念彼观音力 不能损一毛 或值怨贼绕 各执刀加害 念彼观音力
nian bi guan yin li bu neng sun yi mao huo zhi yuan zei rao ge zhi dao jia hai nian bi guan yin li
咸即起慈心 或遭王难苦 临刑欲寿终 念彼观音力 刀寻段段坏
xian ji qi ci xin huo zao wang nan ku lin xing yu shou zhong nian bi guan yin li dao xun duan duan huai
或囚禁枷锁 手足被杻械 念彼观音力 释然得解脱 咒诅诸毒药
huo qiu jin jia suo shou zu bei 杻 xie nian bi guan yin li shi ran de jie tuo zhou zu zhu du yao
所欲害身者 念彼观音力 还着于本人 或遇恶罗刹 毒龙诸鬼等
suo yu hai shen zhe nian bi guan yin li huan zhuo yu ben ren huo yu e luo sha du long zhu gui deng
念彼观音力 时悉不敢害 若恶兽围绕 利牙爪可怖 念彼观音力
nian bi guan yin li shi xi bu gan hai ruo e shou wei rao li ya zhua ke bu nian bi guan yin li
疾走无边方 蚖蛇及蝮蝎 气毒烟火燃 念彼观音力 寻声自回去
ji zou wu bian fang ting she ji xie qi du yan huo ran nian bi guan yin li xun sheng zi hui qu
云雷鼓掣电 降雹澍大雨 念彼观音力 应时得消散 众生被困厄
yun lei gu che dian jiang bao da yu nian bi guan yin li ying shi de xiao san zhong sheng bei kun e
无量苦逼身 观音妙智力 能救世间苦 具足神通力 广修智方便
wu liang ku bi shen guan yin miao zhi li neng jiu shi jian ku ju zu shen tong li guang xiu zhi fang bian
十方诸国土 无刹不现身 种种诸恶趣 地狱鬼畜生 生老病死苦
shi fang zhu guo tu wu sha bu xian shen zhong zhong zhu e qu di yu gui xu sheng sheng lao bing si ku
以渐悉令灭 真观清净观 广大智慧观 悲观及慈观 常愿常瞻仰
yi jian xi ling mie zhen guan qing jing guan guang da zhi hui guan bei guan ji ci guan chang yuan chang zhan yang
无垢清净光 慧日破诸暗 能伏灾风火 普明照世间 悲体戒雷震
wu gou qing jing guang hui ri po zhu an neng fu zai feng huo pu ming zhao shi jian bei ti jie lei zhen
慈意妙大云 澍甘露法雨 灭除烦恼焰 诤讼经官处 怖畏军阵中
ci yi miao da yun gan lu fa yu mie chu fan nao yan song jing guan chu bu wei jun zhen zhong
念彼观音力 众怨悉退散 妙音观世音 梵音海潮音 胜彼世间音
nian bi guan yin li zhong yuan xi tui san miao yin guan shi yin yin hai chao yin sheng bi shi jian yin
是故须常念 念念勿生疑 观世音净圣 于苦恼死厄 能为作依怙
shi gu xu chang nian nian nian wu sheng yi guan shi yin jing sheng yu ku nao si e neng wei zuo yi
具一切功德 慈眼视众生 福聚海无量 是故应顶礼
ju yi qie gong de ci yan shi zhong sheng fu ju hai wu liang shi gu ying ding li
แปลไทย
ในสมัยหนึ่ง พระอักษยมติโพธิสัตว์ ได้ลุกขึ้นจากอาสนะที่ประทับ แล้วลดผ้าเฉวียงบ่าขวา
ประคองหัตถ์ถวายอัญชุลีแด่สมเด็จพระผู้มีพระภาค แล้วทูลถามต่อพระพุทธองค์...
世尊妙相具,我今重问彼,佛子何因缘,名为观世音?
ข้าแต่สมเด็จพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงสมบูรณ์พร้อมในศุภลักษณะอันวิเศษอัศจรรย์
ข้าพระองค์ขอทูลถามถึง(เรื่องราวของ)พุทธบุตรท่านนั้น
ว่าได้ประกอบด้วยเหตุปัจจัยเช่นใดหนอ
ถึงได้รับสมญานามว่า “อวโลกิเตศวร” พระเจ้าข้า
具足妙相尊,偈答无尽意:汝听观音行,善应诸方所。
(ครั้งนั้น)พระผู้ทรงสมบูรณ์ด้วยลักษณะวิเศษ
จึงทรงมีพระดำรัสตอบแก่พระอักษยมติเป็นโศลกว่า
เธอจงได้สดับฟังถึงจริยาของพระอวโลกิเตศวร
ที่ซึ่งตอบสนองได้ในสถานทั้งปวง (ดังจะกล่าวต่อไปนี้)
宏誓深如海,历劫不思议,侍多千亿佛,发大清净愿。
(พระอวโลกิเตศวร) ประกอบด้วยปฏิญญาลึกล้ำดุจห้วงมหาสมุทร
ในกัลป์ที่ยาวนานอันเกินที่จะคาดคิดได้นั้น
(พระอวโลกิเตศวร)ได้เคยเข้าเฝ้าฯพระพุทธเจ้ามามากมายจำนวนถึงพันโกฏิ
แลได้ประกาศมหาปณิธานอันบริสุทธิ์ยิ่ง(ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น)เอาไว้
我为汝略说,闻名及见身,心念不空过,能灭诸有苦。
เราตถาคตจักกล่าวแก่เธอโดยสังเขป
(หาก)ได้สดับถึงพระนามฤๅได้พบเห็นรูปกาย(ของพระอวโลกิเตศวร)
แล้วตั้งจิตระลึกถึงโดยมิว่างเว้นแล้วไซร้
ก็สามารถดับสิ้นซึ่งสรรพทุกข์ทั้งปวงได้
假使興害意 推落大火坑 念彼觀音力 火坑變成池
สมมติว่ามีผู้ที่จิตชั่วร้าย
ผลักให้ร่วงสู่บ่อมหาอัคคี
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
บ่อเพลิงย่อมแปรเปลี่ยนเป็นสระโบกขรณี
或漂流巨海 龍魚諸鬼難 念彼觀音力 波浪不能沒
ฤๅว่าถูกพัดพาไปในมหาสมุทร
(อันเต็มไปด้วย)ภยันตรายจากพญานาค มัจฉาและปีศาจทั้งปวง
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
กระแสคลื่นลมมิอาจซัดสาดให้จมได้
或在須彌峰 為人所推墮 念彼觀音力 如日虛空住
ฤๅว่าอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ
แล้วมีบุคคลผลักดันให้ตกลงมา
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
จักยังให้สถิตอยู่กลางนภากาศดุจดวงอาทิตย์
或被惡人逐 墮落金剛山 念彼觀音力 不能損一毛
ฤๅว่าถูกบุคคลผู้ชั่วร้ายไล่ล่า
จนพลัดตกจากภูเขาวัชระ
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
ย่อมจักมิเป็นอันตรายแม้นขนเพียงเส้นเดียว
或值怨賊繞 各執刀加害 念彼觀音力 咸即起慈心
ฤๅว่าถูกกลุ่มโจรผู้อำมหิตโอบล้อม
ต่างก็ถืออาวุธครบมือหวังเข้าทำร้าย
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
จักยังให้เกิดจิตเมตตาโดยทั่วกัน
或遭王難苦 臨刑欲壽終 念彼觀音力 刀尋段段壞
ฤๅว่าได้รับทุกข์ทรมานจากอาญาหลวง
จวนจะถูกสำเร็จโทษประหารชีวาใกล้จะดับสิ้น
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
มีดดาบก็จักหักสะบั้นเป็นชิ้นไป
或囚禁枷鎖 手足被杻械 念彼觀音力 釋然得解脫
ฤๅว่าถูกจองจำ ต้องด้วยขื่อคา
มือแลเท้าถูกพันธนาด้วยโซ่ตรวน
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
ก็จักได้หลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการทันที
咒詛諸毒藥 所欲害身者 念彼觀音力 還著於本人
อีกคำสาปแช่งเวทย์มนต์และโอสถพิษทั้งปวง
อันมุ่งหมายจักให้โทษ(แก่บุคคลอื่น)
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
(สิ่งเหล่านี้)ย่อมหวนคืนแก่ผู้กระทำ
或遇惡羅剎 毒龍諸鬼等 念彼觀音力 時悉不敢害
ฤาว่าได้ประสบกับรากษสชั่วร้าย
นาคที่มีพิษและเหล่าปีศาจ
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
ในเวลานั้นย่อมมิอาจทำร้ายได้เลย
若惡獸圍繞 利牙爪可怖 念彼觀音力 疾走無邊方
หากถูกแวดล้อมด้วยสัตว์ร้าย
ที่มีเขี้ยวเล็บแหลมคมน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
(สัตว์เหล่านั้น)ก็จักรีบถอยหนีไปแสนไกล
蚖蛇及蝮蠍 氣毒煙火然 念彼觀音力 尋聲自迴去
อสรพิษและแมลงที่มีพิษร้าย
มีไอพิษรุ่มร้อนเหมือนควันไฟ
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
เมื่อได้สดับเสียงภาวนานั้นแล้วก็จักกลับไปเอง
雲雷鼓掣電 降雹澍大雨 念彼觀音力 應時得消散
มีกลุ่มเมฆและสายฟ้ากึกก้องสะท้านสะเทือน
เกิดเป็นลูกเห็บและฝนห่าใหญ่
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
(สิ่งต่างๆข้างต้นนั้น)ก็จักมลายสูญไป
眾生被困厄 無量苦逼身 觀音妙智力 能救世間苦
สรรพสัตว์ที่ได้รับความทรมาน
ถูกเบียดเบียนด้วยความทุกข์ไม่มีหมดสิ้น
ด้วยอำนาจแห่งปัญญาญาณของพระอวโลกิเตศวร
ก็สามารถอนุเคราะห์ความทุกข์ของจักรวาลได้
具足神通力 廣修智方便 十方諸國土 無剎不現身
(พระอวโลกิเตศวร)สมบูรณ์พร้อมในอำนาจแห่งอภิญญา
ทั้งได้บำเพ็ญซึ่งปัญญาญาณแห่งอุปายโกศล(กุศโลบาย)อย่างมหาศาล
บรรดาโลกธาตุในทศทิศ
มิมีภพภูมิแห่งใดที่มิปรากฏกาย
種種諸惡趣 地獄鬼畜生 生老病死苦 以漸悉令滅
ในอบายภูมิต่างๆนั้น
อันมีนรกภูมิ เปรตภูมิ เดรัจฉานภูมิ
อีกทั้งความทุกข์ของชาติ ชราโรคาและมรณะ
ก็จักค่อยๆยังให้ดับสิ้นไป
真觀清淨觀 廣大智慧觀 悲觀及慈觀 常願常瞻仰
(พระอวโลกิเตศวร)พิจารณา(สรรพสิ่งและสรรพสัตว์)ด้วยสัตยะ(ความจริงแท้) ด้วยความบริสุทธิ์(ไร้ซึ่งสิ่งแอบแฝง)
พิจารณาด้วยปัญญาญาณที่กว้างขวางไพบูลย์
พิจารณาด้วยความกรุณาและความเมตตา
พิจารณาด้วยความปรารถนา(ให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์) ทั้งพิจารณาด้วยความคารวะ
無垢清淨光 慧日破諸暗 能伏災風火 普明照世間
พระองค์มีวิมลประภาอันบริสุทธิ์ไร้มลทิน
พระปัญญาประดุจดวงสุริยันที่กำจัดความมืดมนอันธการทั้งปวง(เปรียบด้วยอวิชชาความไม่รู้โง่หลง)
อันสามารถสงบระงับซึ่งภัยจากลมและไฟได้
อันแสงรัศมี(แห่งปัญญา)นั้นฉายสว่างไปทั่วจักรวาล
悲體戒雷震 慈意妙大雲 澍甘露法雨 滅除煩惱焰
พระวรกายเพรียบพร้อมด้วยความกรุณาและศีลธรรม ปานประหนึ่งฟ้าร้องสั่นสะเทือน
มีจิตที่ยิ่งด้วยเมตตาประดุจมหาเมฆาวิเศษ
(ประกอบกันแล้ว)ยังให้สายฝนแห่งอมฤตธรรมโปรยปรายสู่โลก
ดับสิ้นซึ่งความรุ่มร้อนแห่งกิเลส
諍訟經官處 怖畏軍陣中 念彼觀音力 眾怨悉退散
ในขณะเป็นความต่อหน้าราชการ
ในท่ามกลางกองทัพอันน่าเกรงขาม
แต่ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร
ยังให้ศัตรูผู้อาฆาตทั้งปวงถอยซ่านหลีกไป
妙音觀世音 梵音海潮音 勝彼世間音 是故須常念
(พระอวโลกิเตศวร)มีสำเนียงอันเป็นทิพย์ พระองค์พิจารณาเสียงสำเนียงของโลก
พระองค์มีสำเนียงประดุจเสียงพรหม แลมีเสียงดุจกระแสน้ำทะเล
อันวิเศษกว่าสรรพสำเนียงใดในจักรวาล
ด้วยเหตุฉะนี้จึงต้องน้อมระลึกถึงโดยสม่ำเสมอ
念念勿生疑 觀世音淨聖 於苦惱死厄 能為作依怙
ระลึกถึงทุกวาระจิตมิพึงเคลือบแคลงสงสัย
พระอวโลกิเตศวรผู้เป็นพระอริยเจ้าที่บริสุทธิ์
แม้ในความทุกข์ทรมานฤๅอันตรายถึงชีวิต
ก็สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้
具一切功德 慈眼視眾生 福聚海無量 是故應頂禮
(พระอวโลกิเตศวร)สมบูรณ์พร้อมด้วยสรรพกุศลดีงามทั้งปวง
แลมองสรรพสัตว์ด้วยดวงเนตรที่เมตตา
เป็นพระผู้ประชุมอยู่ด้วยวาสนาบารมีไม่มีประมาณดุจห้วงมหาสาคร
จึงสมควรยิ่งนักในการถวายอภิวันท์ ด้วยเหตุแห่งประการฉะนี้แล
ขอบพระคุณพระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตาที่ดลใจให้พบเจอบทสวด สาธุๆๆๆ
โอม มณี ปัทเม ฮุม
แปลไทย
Joy Selma

จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะกราบพระพุทธเจ้า แล้วปฏิเสธพระโพธิสัตว์

ในภาพอาจจะมี 1 คน, รองเท้า

 เชนเรซิก...ลูกพ่อ
  • พุทธกายของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เกิดจากมหาปนิธาน และพระคุณอันมหาศาลของเหล่าบุคคลที่เรียกว่า"พระโพธิสัตว์"มาก่อนทั้งสิ้น
  • ผู้ที่มีจิตตั้งมั่น สั่งสมความดีงาม ยาวนาน อันไม่มีประมาณ จนกำลังของจิตนั้น เข้มแข็งและบริสุทธิ์
  • และจิตที่บริสุทธิ์นั้นก็ต้องประกอบด้วยปัญญาญาน และมหากรุณา อันประมาณมิได้ด้วย
  • มหาปัญญา มหากรุณา เป็นพลังงานทางจิตที่สามารถสำแดงเป็นรูปลักษณ์อะไรออกมาก็ได้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเกื้อกูล
  • และรูปลักษณ์ในรูปแบบพระพุทธเจ้าก็มาจากพลังงานทางจิตอันไม่มีที่สุดนั้น
  • ความต้องการช่วยเหลือสรรพสัตว์เป็นธรรมชาติธรรมดาอยู่แล้วของบุคคลที่มีเชื้อแห่งโครตวงศ์คือหน่อเนื้อพุทธางกูร
  • และธรรมชาติแห่งการออกเกื้อกูลสรรพสัตว์นั้น ก็เกิดจากการหยั่งเห็นความจริงของการอิงอาศัยซึ่งกันและกัน(ตถตา)
  • สิ่งนี้ บ่มเพาะจากสติปัญญาอันหล่อหลอมมายาวนานในสังสารวัฏ เห็นความจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความจริงจึงไม่สามารถแยกขาดจากปัญญา
  • และเพราะมีปัญญา จึงเห็นความว่างใน"ความมี"
  • ในขณะเดียวกัน ก็เห็นความมีใน"ความว่าง"
  • สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนอาศัยกันเพื่อการมีอยู่
  • ไม่มีอะไรโดดเดี่ยวจากสิ่งอื่นได้ เช่น
  • ถ้ามนุษย์ไม่มี"จิต"ไปสัมผัส วัตถุทั้งหลายในโลกก็ไร้ความหมาย
  • แม้พุทธกาย แห่งพระพุทธเจ้า ก็มีได้เพราะเหตุปัจจัยกำหนดมาเช่นกัน ไม่ใช่ภาวะลอยๆแยกขาดจากทุกสิ่ง
  • ดังนั้น การมีพระพุทธเจ้าอุบัติในโลก ก็เพราะ มีบุคคลที่มีภาวะแห่งจิตอันยิ่งใหญ่พอ ที่จะกล้าข้ามผ่าน และรองรับทุกข์กายทุกข์ใจของสรรพสัตว์ ที่เรียกว่า "พระโพธิสัตว์นั่นเอง"
  • ***จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะกราบพระพุทธเจ้า แล้วปฏิเสธพระโพธิสัตว์****
  • เพราะถ้าบุคคลใดคิดเช่นนั้น เขาก็ยังเป็นผู้ที่ร่วงหล่นทวิภาวะ จิตยังตกอยู่ในการแบ่งแยก
  • และเข้าไม่ถึง อิทัปปัจยตาหรือธรรมปฎิจสมุปบาท ธรรมะแห่งการอิงอาศัยเลย
  • ลูกพ่อ...จงอย่าใส่แก่นสารใดๆลงในวิมุตติธรรม หรือปรมัตถ์ธรรม แล้วเส้นทางของเจ้าจะไร้ทิฐิธรรม ใดๆ หยั่งอยู่ในความว่างหรือสุญญตาวิหารธรรม
  • และวิหารธรรมนี้จะเป็นพลังงานหล่อเลี้ยงสังสารวัฎนี้ โดยมีมหาปัญญา มหากรุณาและมหาอุปายะเป็นฐานอันมั่นคงไม่คลอนแคลน
  • 3 สิ่งนี้ เมื่อมาหลอมรวมกันจะเกื้อกูลสังสารวัฏได้ หรือที่เรียกกันว่า"พุทธานุภาพ"นั่นเอง
  • #โอวาทธรรม จากพระบิดาอมิตภะตถาคตเจ้า#

วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

หากอริยบุคคลแสวงหาปัญญา เพื่อหลุดพ้นจากสังสารวัฎ โพธิสัตว์ก็แสวงหาปัญญา เพื่อสร้างอุบายธรรม ในการช่วยเหลือผู้อื่น

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

หากอริยบุคคลแสวงหาปัญญา 
เพื่อหลุดพ้นจากสังสารวัฎ
โพธิสัตว์ก็แสวงหาปัญญา
เพื่อสร้างอุบายธรรม ในการช่วยเหลือผู้อื่น
ปัญญาจะไม่เกิด 
หากโพธิสัตว์แบ่งแยกตนและผู้อื่น
ปัญญาก็ไม่เกิดเช่นกัน 
หากอริยบุคคล ยกจิตตน 
อยู่เหนือ "รูป-นาม" อื่น
มีดวงจิตมากมาย ที่สับสนในทางเดินของตน
ถ้าพวกเขาเลือกทางผิด 
ก็อาจตกหลุมบ่อ และอุบัติเหตุ 
เข้าสู่ถนนแห่งอบายไม่รู้ตัว
เพื่อรักษาดวงจิตเหล่านั้นให้ห่างจากอันตราย
เส้นทางที่เอื้อ ต่อเส้นทางหลักในการหลุดพ้นจึงบังเกิด

นั่นคือที่มาของอุบายธรรม หรือเส้นทางสำรอง 
อันได้แก่การทำบุญ สวดมนต์ พิธีกรรมต่างๆ

ถ้าบุคคลด้อยปัญญา 
ไม่สามารถถอดถอนจิตจากความยึดถือ
ก็ให้เขายึดถือความสะอาดไปพลางๆก่อน
"ดีกว่ายึดถือ ความสกปรก"
จนกว่าเขาจะพร้อมที่จะหยั่งเห็นสัจจะแห่งธรรม

เพราะความหลุดพ้นของสัตว์ 
เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าหรือมหาโพธิสัตว์
ทำแทนหรือบันดาลให้บังเกิดไม่ได้

โอม มณี ปัทเม หุม....
อาม่า#พระเชนเรซิก#

คัมภีร์มรณะศาสตร์แห่งทิเบต

ในภาพอาจจะมี 1 คน, หมวก และ แว่นกันแดด
ลัดฟ้า...มาหารัก 
อยู่กับลูกหลานโพธิญาน
อบอุ่นจนลืมโพสต์ "สเตตัส" 5555+

#นิดนึง...ด้วยธรรมะก่อนนอน#
ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น....
การมีทัศนะคติ..ว่าร่างกายดุ้นนี้เป็นมายา

หยั่งลงสู่จิตใจเรื่อยๆ 
จะทำให้เกิดปัญญาญานปล่อยวางได้

เมื่ออิสระจากการถูกครอบงำว่าเป็นตัวตนมาช้านาน
การปรุงแต่งอนาคตจะหมดไป 
กรรมที่จะสร้างในอนาคตก็ไม่ก่อตัว

สิ่งที่จะเกิดหลังความตายคือ
"ช่องว่าง"
และจิตจะเปิดเผยตัวตนให้รู้ว่า...
ทุกสรรพสิ่งทั้งสังสารวัฎ
เป็นสิ่งที่จิตขีดเขียนขึ้นมาเองทั้งสิ้น

เมื่อนั้น...เราจะ"ชำระกรรม"ได้อย่างฉับพลัน
เข้าสู่สภาวบริสุทธิ์ หลุดพ้น
ครรภ์ที่จะนำไปสู่ภพชาติ ก็จะถูกปิดอย่างแน่นอน

ดังนั้น การเข้าถึงและมองเห็นความจริง 
ว่าความเป็นตัวตนแห่งร่างกายนี้
เป็นแค่มายาและความฝัน
จึงเป็นวิธีที่ลึกซึ้งที่สุด!!!
ของพุทธศาสนา!!!
~จาก คัมภีร์มรณะศาสตร์แห่งทิเบต~






วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

มนต์ ฤา มหามนต์ เป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวน้อมนำ

ในภาพอาจจะมี 13 คน, คนที่ยิ้ม
จิต ที่มี ศีล สมาธิ ปัญญา เอ่ยวาจาอันใด ก็เป็น มนต์

มนต์ ฤา มหามนต์ เป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวน้อมนำ
หากมหิทธานุภาพแห่งมนต์บังเกิดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับจิตที่ไม่ซัดส่าย
มนต์จะมีประโยชน์อันใด หากจิตไร้สมาธิ
ขณะเดียวกันถ้าจิตมีสมาธิ 
กล่าวสิ่งใด ประโยคใดก็เป็นมนต์

คาถาและมนตรา ที่เป็นบัญญัติ เป็นอุปาทานสำหรับผู้ไม่รู้
แต่ยิ่งไม่รู้ ยิ่งได้ผล ยิ่งขลัง
ความขลังทำให้เกิดความมั่นใจ
ความมั่นใจทำให้จิตแน่วแน่

เมื่อจิตแน่วแน่ เจตนาก็จะมีพลังสัมฤทธิผลดังต้องการ
พระโพธิสัตว์ไม่ใช่ไม่รู้คาถาทุกบทเป็นอุปายะ
หากแต่นำมาพิทักษ์รักษาคุ้มครองได้ 
ด้วยเมื่อแปลความออกมาแล้ว
สรรพมนต์ทุกบท 
ล้วนกล่าวสรรเสริญคุณแห่งพระพุทธเจ้า
ฉะนั้น ต่อให้รู้ว่าเป็นอุปายะก็ควรใช้
เพราะพุทธาคม ที่มาจากพุทธคุณ อันเกิดจากมนต์สูงสุดนั้น

" มีอานุภาพจริง"
ปกปัก รักษา คุ้มครอง 
ผู้ที่มีจิตตรงแน่วแน่ในมนต์ได้จริง
เมื่อพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้ากระหึ่ม 
อาม่าก็กำหนดฉัตรแก้วลงมาเป็นตาข่ายทองคำ

วนเป็นทักษิณาวรรตคลุมลงมา ในพิธีอย่างมั่นคง
เมื่อจิตเป็นเอกคตารมณ์ ความสว่างก็ปรากฏ ประภัสสร ครอบคลุมบริเวณ
ทั้งภาคทิพย์ ภาคหยาบ ต่างน้อมรับพุทธานุภาพ
ตัวรู้ผุดพราย เป็นความสว่างแห่งปัญญา
"สรรพสัตว์ต่างกันที่ กรรม และที่มา"
บางพวกมาสว่าง ไปสว่าง
บางพวกมาสว่างไปมืด
บางพวกมามืดไปสว่าง
บางพวกมามืดไปมืด

โอ้ พระจอมมุนี อันเป็นเลิศของโลก
สัจจะปนิธานแห่งข้า ที่กล่าวต่อหน้าพระพักตร์ จะอยู่ฉุดช่วยล่ำสัตว์ทุกจำพวก

จะไม่มีวันเป็นอื่น
โอม มณี ปัทเม หุม🙏🙏🙏
อาม่า#พระเชนเรซิก#

"สรรพสัตว์ต่างกันที่ กรรม และที่มา"

บางพวกมาสว่าง ไปสว่าง

บางพวกมาสว่างไปมืด
บางพวกมามืดไปสว่าง
บางพวกมามืดไปมืด

โอ้ พระจอมมุนี อันเป็นเลิศของโลก
สัจจะปนิธานแห่งข้า ที่กล่าวต่อหน้าพระพักตร์ 

***จะอยู่ฉุดช่วยล่ำสัตว์ทุกจำพวก

จะไม่มีวันเป็นอื่น 

โอม มณี ปัทเม หุม

ขอสาธุการ กับพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ชีวิตที่มุ่งมั่นในมหาปนิธานของอาม่านั้น "โดดเดี่ยวนัก"

ในภาพอาจจะมี 4 คน, งานแต่งงาน และ สถานที่ในร่ม

และขอสาธุการ กับพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์

ชีวิตที่มุ่งมั่นในมหาปนิธานของอาม่านั้น
"โดดเดี่ยวนัก"

เพราะไม่มีใครแม้แต่ "คนเดียว" ในโลก
จะเข้าใจ และ"เข้าถึง"วิถีของอาม่า

การประกาศตนเป็นพระโพธิสัตว์นั้น
อาม่ารู้ว่า มีคนขวางและต่อต้านมากมาย

แต่เส้นทางแห่งโพธิสัตว์นั้น 
หยุดยั้งแค่เมตตา กรุณาในจิตตนไม่ได้
เพราะเราต้องสร้างภาวะแห่งการเป็นผู้นำ
ผู้นำที่จะสร้างสรรค์สังคมพุทธ

ผู้นำที่จะชี้แนวทางให้เขาเกิดความเมตตากรุณา ต่อๆกันไป 
เป็นแสงเทียน ที่เรียกว่าอนันตประทีป
ท่าทีของเราต้องเปิดกว้างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
*** เพราะงานของเราต้องยกระดับจิตมนุษย์
ให้สูงขึ้นด้วยพรหมวิหาร4

ลูกรัก...
"เป็นพระโพธิสัตว์ต้องยิ่งใหญ่
ถ้า...ไม่ยิ่งใหญ่ไม่ต้องเป็น"

แต่ความยิ่งใหญ่นี้ มิใช่ความยิ่งใหญ่ของอัตตาตน 
หาก...แต่เป็นความยิ่งใหญ่ของหัวใจลูก
หนทางโพธิสัตว์ ไม่ใช่หนทางของคนอ่อนแอ
แต่เป็นหนทางของผู้กล้า
กล้าที่จะประกาศจุดยืน เพื่อสร้างสภาวะของผู้นำ
การเป็นผู้นำ จำเป็นต่อวิถีโพธิสัตว์ 
เพราะเราต้องสร้างสรรรูปแบบ ให้ชัดเจน
ทำไมเราต้องละอายและปิดบัง เมื่อเดินเส้นทางนี้
เมื่อมันเป็นมรรควิถี ที่เราทำด้วยตัวเอง 
ผูกพันด้วยตัวเองและเลือกด้วยหัวใจ

เส้นทางแห่งความดีงาม
หนทางแห่งโพธิ หนทางที่ควรภาคภูมิใจ
ตื่นจากความกลัว ตื่นจากความเขลา ตื่นจากความไม่รู้
และเป็นเส้นทางที่พระพุทธะ พระพุทธเจ้า
ทุกพระองค์ต้อง...ผ่าน

หากเรายังหวั่นไหว. ยังกลัวเกรงว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร
ยังเอาค่านิยมทางโลกมาเป็นใหญ่ในชีวิต

ฐานโพธิสัตว์ก็ไม่แน่น
ถ้าต้องปิดบังปนิธานเพราะเกรงการปรามาส ต้องซ่อนเร้น
ก็ถอยออกไป เลยลูก"ไม่ต้องครึ่งๆกลางๆ"
ความสุขบนเส้นทางนี้ มันยั่งยืน 
หล่อเลี้ยงน้ำใจเรามากกว่าความสุขเดิมๆ
ที่เราเคยดูแลแค่ตนเองหรือคนในครอบครัว
เพราะความสุขในทางธรรมนั้น 
เป็นความสุขที่มุ่งสู่สังคม มุ่งสู่สรรพสัตว์
ข้ามพ้นความสุขที่ตั้งอยู่บนฐานแห่งอัตตาตัวตน
ความสุขนี้จึงยิ่งใหญ่ และมั่นคงนัก
ความยิ่งใหญ่เท่านั้น...สร้างอุดมการณ์
 
จงมั่นคงและมั่นใจในวิถีแห่งผู้กล้า 
เพื่อสร้างรูปธรรม นามธรรมเกื้อกูลโลก"

#โอม มณี ปัทเม หุม 
จงให้รัตนะ3 อุบัติกลางดอกบัวแห่งจิตลูกๆเถิด#
อาม่า...พระเชนเรซิก
ในภาพอาจจะมี 6 คน

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จงยกจิตให้อยู่เหนือชั่ว เหนือดี อย่าไปยึดติดทั้ง2 ทาง

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน, มหาสมุทร และ ข้อความ

  • จงยกจิตให้อยู่เหนือชั่ว เหนือดี อย่าไปยึดติดทั้ง2 ทาง !!!!
  • คำของท่านพุทธทาสว่ากล่าวไว้ว่า ติดชั่ว ติดดี อัปรีย์พอกัน
  • หมายถึง การทำอะไรก็ตามถ้าคนเรายังติดยึดอยู่กับความชั่วนั้นเป็นอัปรีย์แน่นอน
  • แต่การติดดีนั้นหมายถึง การติดยึดว่าเมื่อเราทำความดีแล้ว คนทั้งหลายจะเห็นว่าเราเป็นคนดี จะได้รับการเทิดทูน ยกย่อง สรรเสริญ
  • ถ้าคิดแบบนั้นก็จะเป็นอัปรีย์ได้เช่นกัน 
  • เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไรลงไปไม่ว่าดีหรือไม่ดี คนอื่น ๆ จะคิดกับเราอยู่ 3 แบบ คือ
    • 1.เห็นดีเห็นงาม ชมชอบ (เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน)
    • 2. ไม่เห็นด้วย ด่า สาปส่ง ขับไล่ (เพราะขัดผลประโยชน์ของเขา) และ
    • 3. ไม่รู้ไม่เห็น ไม่มีความคิดเห็น เฉย ๆ (เพราะไม่ได้และไม่ขัดผลประโยชน์)
  • ยกตัวอย่าง เช้าขึ้นมากำลังซักผ้า แสงแดดวันนั้นก็จะเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และคิดว่าวันนี้แดดดีจัง
  • แต่พอกลางวันเดินไปธุระที่ไหนซักแห่ง จะเริ่มบ่นว่า ทำไมวันนี้แดดกล้าจังเลย (เพราะร้อนมาก) จะด่าพระอาทิตย์แล้ว
  • และถ้าเข้าไปนั่งในบ้านแล้วจะไม่ได้คิดถึงพระอาทิตย์อีกเลย เพราะไม่ได้รับความร้อนจากพระอาทิตย์แล้ว
  • ดังนั้นการที่เราจะทำความดีก็ขอให้ทำด้วยเพราะเราอยากทำดี โดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังว่าคนอื่นจะยกย่องเรา ไม่คิดว่าเราจะดีเหนือคนอื่น
  • แต่ทำความดีเพื่อความดี เพื่อโลกของเรา
  • ดังนั้น ขอให้ลูกทุกคนที่มีความตั้งใจทำดี 
  • จงเป็นที่พึ่งของคนรอบข้าง และเป็นประโยชน์ต่อตนเองและโลกต่อไป โดยไม่ยึดติดทั้งสองด้าน

อาม่า#พระเชนเรซิก#

พระโพธิสัตว์นั้นแหละ คือผู้เคารพพระพุทธเจ้าสูงสุด และยึดถือพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต

ในภาพอาจจะมี 3 คน, สถานที่ในร่ม

  • จริงๆแล้ว พระโพธิสัตว์นั้นแหละ คือผู้เคารพพระพุทธเจ้าสูงสุด และยึดถือพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
  • หัวใจพระโพธิสัตว์นั้นยิ่งใหญ่ จนกล้าเวียนเกิดเวียนตาย ในสังสารวัฎผ่านอสงไขย ข้ามพุทธันดร เอาธาตุขันธ์รองรับ ทุกข์กายทุกข์ใจในสังสารวัฏเพื่อสัตว์โลกทั้งปวง
  • ซึ่ง!!!...เป็นการปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าสูงสุด
  • สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว"นิพพาน"คือคำกลางๆแสดงถึงสภาพความหลุดพ้นที่เกิดกับใครได้ เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม
  • แต่.."พุทธิภาวะ"เป็นภาวะของพระพุทธเจ้า 
  • ที่นอกเหนือจากการหลุดพ้น เพราะหยั่งถึงความรู้แจ้งอย่างสมบูรณ์
  • พระพุทธเรียกพระองค์เองว่า 
  • เรา!!ตถาคต ผู้ถึงแล้วซึ่ง "ตถตา"
  • "ตถตา" หรือ ความเป็นเช่นนั้นเอง เป็นภาวะไร้ขีดจำกัด
  • ตถตา..คือความเข้าใจที่ถูกต้อง 
  • คือ "ญานหยั่งรู้"ที่พ้นไปจากทุกกรอบความเชื่อ เป็นปัญญาแห่งการปลดปล่อยที่ไปจากทิฐิธรรมแล้วอย่างสิ้นเชิง
  • อริยมรรคนั้นอาจเป็นที่สุดของพระสาวก
  • แต่สำหรับพระโพธิสัตว์....
  • "พระพุทธคุณ" อันเป็นปรมัตถ์ต่างหาก
  • คือความจริงที่สุด ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ได้ค้นพบ
  • เพราะเป็นเหตุปัจจัยของจิตระดับพระพุทธเจ้า
  • ที่แม้แต่พระอรหันต์สาวก จะหลุดพ้นจริง
  • ก็ยังมิอาจหยั่งถึง "พุทธิภาวะ" ที่นอกเหนือไปจากพระนิพพานได้
  • บุคคลใดก็ตามที่มีพุทธิภาวะ มีพุทธานุภาพ
  • มีระดับจิตแห่งพระพุทธเจ้าและว่างเปล่าจากการแบ่งแยกทั้งปวง
  • จิตดวงนั้น ย่อมเป็นแหล่งประมวลสัจจะแห่งธรรมชาติหรือความจริงอย่างตรงไปตรงมาที่สุด
  • สามารถสะท้อนธรรมชาติอิงอาศัย อิทัปปัจจยตา และปฏิจสมุปบาทโดยไม่บิดเบือน
  • พุทธิภาวะอันลึกซึ้งนี้ จะผ่านหรือหยั่งถึงได้ก็ต้องผ่านหนทางตามรอยบาทของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
  • คือการบำเพ็ญโพธิสัตว์นี่เอง!!!
  • หากหัวใจไม่ยิ่งใหญ่จริง ก็คงเดินตามรอยบาทพระพุทธเจ้าไม่ได้
  • เพราะวิถีนี้ สละยิ่งใหญ่และยาวนาน เพื่อดวงจิตอื่น
  • บอกตนเองเถิดลูก "หัวใจข้าจงยิ่งใหญ่"
  • และผู้ที่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่แห่งการให้ ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ เทวดา และสามโลก
  • ขอโพธิจิตจงบังเกิดและงดงาม กับลูกๆอาม่าทุกคน สาธุ สาธุ สาธุ

#อาม่า พระเชนเรซิก#

วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560

วัชรยานนั้น "แข็งเหมือนเพชร ใสเหมือนอากาศ มิอาจทำลายได้เช่นสายฟ้า "


วัชรยานนั้น "แข็งเหมือนเพชร ใสเหมือนอากาศ มิอาจทำลายได้เช่นสายฟ้า "
  • มีความหมายถึงยานพาหนะอันแข็งแกร่ง ที่สัมพันธ์โดยตรงอย่างที่สุดกับปรากฏการณ์และความสำนึกรู้ว่า  "โลกคือสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์"
  • การ ระลึกรู้นี้ทำให้สัมพันธ์กับสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างที่มันเป็นอยู่ โดยไม่มีข้ออ้างอื่นๆใดมาบิดเบือนความจริง ความรู้แจ้งกับความฟุ้งซ่านเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน
  • " เราควรจะบ่มเพาะจิตที่อ่อนน้อม ตระหนักรู้ว่าความวิปลาสของเราเป็นสาระอย่างหนึ่งหาใช่ขยะที่เราจะต้องโยนทิ้ง ไปไม่"
  • กิเลสคือ...โพธิ ไม่เห็นทุกข์ไหนเลยจะเห็น...ธรรม
  • โลกคือจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญ 
  • ความคิดเรื่องสังสารวัฏและนิรวาณคือหนึ่ง เดียวกัน
  • สังสารวัฏไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่คนเราต้องก้าวข้ามเพียงอย่างเดียว แต่มันมีสาระ สำคัญควรแก่การเคารพ
  • วัชรยานนั้น สนใจแต่เพียงสิ่งที่ได้ให้สรรพชีวิต
  • ทุกขเวทนาอันเนื่องจากอกุศลกรรมของสรรพชีวิตขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รับแทน
  • ข้าพเจ้ายินดีทุกข์ ยินดีเจ็บไข้ได้ป่วยเพื่อสรรพชีวิต เพื่อพวกเขาได้บรรลุสู่พุทธภูมิ
  • ข้าพเจ้ายินดี...ลงนรกเพื่อพวกเขา
  • ในจิตแห่งข้าพเจ้าพุทธเกษตรหรือแดนนรกมิได้แตกต่างกัน
  • ดังเช่น...การลงไปโปรดสรรพสัตว์ในนรกภูมิของพระกษิตครรรภ์มหาโพธิสัตว์หรือพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์
  • ทรงลงไปด้วยความยินดีและต้องการลงไปเพื่อโปรดสรรพสัตว์
  • มิใช่ลงไปเพราะเวรกรรมของพระองค์ส่งพระองค์ไปจึงได้ไปโปรด
ดังนั้น...วัชระยาน  จึงมีแนวทางดังนี้ว่า...
  • "ความทุกข์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเห็นแก่ตัว ความสุขทั้งหมดเกิดขึ้นจากการหวังดีให้ผู้อื่นมีความสุข"
  • ฉะนั้นการแลกความสุขของตนเปลี่ยน กับความทุกข์ของผู้อื่นเป็นหน้าที่ของพระโพธิสัตว์
  • พระโพธิสัตว์จึงต้องประกอบไปด้วยบารมี 6 ประการ ประกอบด้วย
  • ทาน ศีล ขันติ วิริยะ สมาธิ และปัญญา(ปารมิตา6)
  • พระสัมมาสัมโพธิญาณ คือสิ่งสูงสุดของพระโพธิสัตว์

#โอม มณี ปัทเม หุม#

  • กิเลส คือโพธิ ไม่เห็นทุกข์จะเห็นธรรมหรือ
  • ดอกบัว ล้วนเกิดจากโคลนตม
  • สังสารวัฏจึงมีคุณในฐานะ ที่เป็นจุดเริ้มต้นของการบำเพ็ญธรรม
  • พระโพธิสัตว์นั้นอาศัยวิปลาศสัญญา
  • เป็นเชื้อแห่งการจุติ
  • วิปลาส แปลว่าการคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
  • สัญญา คือ ความจำได้หมายรู้
  • ทุกชีวิตล้วนมีเชื้ออุปาทาน ความหลงรู้เป็นตัวนำมาจุติ
  • แต่การจุติของพระโพธิสัตว์ เป็นแค่อุปายะที่จะนำแสงสว่างมาสู่โลก
  • ดอกบัวที่งดงาม เกิดจากโคลนตมฉันใด
  • โพธิจริยา....ก็อาศัยอาสวะเป็นเครื่องกำเนิดฉันนั้น

การขนรื้อภพภูมิ จึงเป็นหน้าที่ของเหล่าโพธิ

ในภาพอาจจะมี 1 คน
การเข้าถึงมรรคาแห่งโพธิสัตว์นั้น 
เกิดจาก"เชื้อ"ที่เป็นโครตวงศ์
ใช่ว่าเราจะยัดเยียดโพธิจิตให้กับใครก็ได้
ผู้ที่มีเชื้อซึ่งเป็นหน่อเนื้อแห่งองค์พุทธะนั้น 
จะมีจิตที่เข้มแข็ง และเด็ดเดี่ยว
โพธิสัตว์จะตั้งความปรารถนาแรก
คือถอดถอนปลดปล่อยตนเองให้ได้เสียก่อน
หากยังปลดปล่อยตนเองไม่ได้
มหาปัญญากับมหากรุณาจะไม่บังเกิด

ซึ่งมหาปัญญาและมหากรุณาจะเกิดขึ้นได้
ด้วยการหยั่งเห็น"ความว่าง"ของตนเองและทุกสรรพสิ่ง

หากยังกลัวการดำเนินชีวิต
หรือเสียดายตัวกูของกูอยู่

ก็จะตกสู่ภาวะปุถุชนทันที
ในการฝึกฝนจิตตามแนวทางโพธิสัตว์
ไม่ปรากฎขั้นตอนใดที่แยกขาดตนเองออกจากสังสารวัฏ

ด้วยโพธิสัตว์ต้องพิจารณาการเกิด-ตายในแง่บวก

มองว่าสังสารวัฏและการเกิดใหม่เป็นสิ่งมีคุณค่า
เป็นโอกาสดีที่มนุษย์จะได้รู้จักตนเองและปฏิบัติธรรม

เมื่อความเกิดตายเป็นสภาพที่เลี่ยงไม่ได้ และกำหนดไม่ได้ 
ความเกิดตาย จะทำให้มนุษย์ไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต
โพธิสัตว์จึงสนใจเรื่องกรรม และสัมผัสความทุกข์ของสัตว์น้อยใหญ่
ที่เวียนว่ายในภพภูมิต่างๆอย่างเมตตา
ดังนั้น คุณค่าและความหมายของโพธิจิตคือการมองเห็นว่า
"ไม่มีอะไรที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องน่าชิงชัง
น่าผลักไส หรือ รังเกียจเลย"

#การขนรื้อภพภูมิ จึงเป็นหน้าที่ของเหล่าโพธิ#

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์