วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สัพเพ ธัมมานาลัง อภินิเวสายะ


"สัพเพ ธัมมานาลัง อภินิเวสายะ
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง
อันใครๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
รู้หมดนี้
เท่ากับรู้หมดพระไตรปิฎก
เมื่อได้รับผลจากความรู้นี้
ก็ย่อมถึงที่สุดของการปฎิบัติ!!
การปฎิบัติ
โดยวิธีพิจารณาไม่มีอะไรที่น่าเอา 
ไม่มีอะไรที่น่าเป็นนี้ 
เป็นวิธีปฎิบัติ 
ฝ่ายปัญญาวิมุติ
เพราะเพ่งเล็ง 
กระทำด้วยปัญญาพิจารณาไปเรื่อยๆ 
ตามวิถีทางแห่งปัญญา 
โดยไม่คำนึงถึงสมาธิเป็นล่ำเป็นสันโดยตรง
หากแต่
คงมีแต่สมาธิที่เกิดเองตามธรรมชาติ 
และหนุนเนื่องอยู่ด้วยปัญญา
(อนันตริยสมาธิ)
มีปัญญาออกหน้าสมาธิเสมอ 
จนกระทั่งบรรลุมรรคผล

พึงทราบว่า 
ฝ่ายเจโตวิมุติ 
มีกำลังสมาธินำหน้าก็จริงอยู่
แต่สุดท้าย 
เมื่อจะบรรลุมรรคผลนิพพาน
กลับต้องหวนมาใช้ปัญญา
พิจารณาความไม่น่าเอาไม่ยึดมั่น

ตรงกัน ทั้ง 2 ฝ่าย อยู่ดี 
คือที่สุดของการข้ามฝั่ง
ก็ใช้ปัญญาตัด 
อาสวะกิเลส
และ
การมีสมาธิและปัญญา
ในชีวิตประจำวันนี้
เป็นวิธีที่ดำเนินตามธรรมชาติ 
โดยไม่ต้องฝืนหรือบีบบังคับกันมากมาย
ทุกอิริยาบถในชีวิตและสิ่งรอบตัว 
ล้วนแสดงธรรมอนิจจัง 
อันมีกฏไตรลักษณ์อันเฉียบขาดอยู่แล้ว
บุคคลย่อมเบื่อหน่าย
ในสิ่งที่ตนผ่านมาแล้ว 
และ
จะมีแต่จะพิจารณาเลื่อนสูงไปเป็นลำดับ
เป็นแนวทางปฎิบัติที่เหมาะสม
สำหรับคนจำนวนมากในยุคปัจจุบัน
อุปัสสี 
แปลว่า ตามเห็นเป็นประจำ
พิจารณาทุกอิริยาบถ 
กิน เดิน นั่ง นอน ขับถ่าย
ปัญญาจะพัฒนาไปตามลำดับขั้น 
พิจารณาไตรลักษณ์ 
ความไม่น่าเอา ไม่น่าเป็น
แม้หากไม่บรรลุธรรมตอนมีชีวิตจริงๆ
แต่ยังมีหวังตอนใกล้ตายอีกชั้นเมื่อ 
จิตดวงสุดท้ายดับ

เมื่อทั้งชีวิต 
เราพิจารณาเห็น 
ความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ 
จิตน้อมไปสู่การปล่อยวางทั้งหมด 
(ย่อมกลายเป็นอนุสัยกรรม ความเคยชิน)
ก็จะเป็นพระอรหันต์ สมสีสี
(ซึ่งมีมากมาย ที่ผู้เฒ่าผู้แก่หลุดพ้น)

แต่ลูกหลานที่เฝ้าไข้ ทำศพไม่รู้เลย
และพระไตรปิฎก 
ยืนยันชัดแจ้งแล้ว ในคำกล่าวสั้นๆนั้น
"ไม่มีอะไรที่น่ายึดถือ " 
คือทั้งหมดคำสอน 
และ
การปฎิบัติทั้งหมดทั้งสิ้นในพุทธศาสนา
#แนวคำสอน สมาธิและวิปัสสนาตามธรรมชาติ#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์