วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

"สุญญตาวิหารธรรม"

ในภาพอาจจะมี 1 คน

ในอดีต มีบุคคลที่โลกเคารพ สวมจีวร ถือบาตร เข้ากรุงสาวัตถี
หลังจาก บิณฑบาตรแล้ว
ก็กลับ มาฉันอาหาร เก็บจีวรและบาตร ล้างเท้า จัดอาสนะ แล้วนั่งลง
ดูเหมือนเรื่องราวนี้ จะธรรมดา
หากแต่ไม่ธรรมดาตรงที่ว่า
พระพุทธเจ้า....
ไม่เคยสูญเสีย ความเป็นนิรันดรหรือความไร้เวลาไป แม้ขณะจิตเดียว
พระองค์อยู่ในสมาธิภาวนาตลอด
พระองค์เป็นแค่ ประจักษ์พยาน คือรู้
....เท้านี้ ไม่ใช่ของฉัน
....บาตรนี้ ไม่ใช่ของฉัน
....จีวรนี้ ไม่ใช่ของฉัน
.....ความหิวนี้ไม่ใช่ของฉัน
ทุกสิ่งรอบตัว ไม่ใช่ของฉัน
ฉันแค่ดูและรู้เท่านั้น
พระองค์รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป
แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือ คือพระองค์
ความคิดผ่านมา ผ่านไป
ความรู้สึก ความฝัน ผ่านมา ผ่านไป
แต่ความนุ่มนวลอ่อนโยน ความงดงามในจิตวิญญาน ของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยน
นั่นคือความเป็นนิรันดร์แห่งพระโพธิญาน
"สุญญตาวิหารธรรม"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์