วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

ภูมิธรรมระดับ 8 เรียกว่า "อจละ"


นิมิตหรือสภาวะที่สัมผัสพระพุทธเจ้าได้
ภูมิธรรมระดับ 8 เรียกว่า "อจละ" 
แปลว่าแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
แสดงถึงสภาพจิตพระโพธิสัตว์

ที่ก้าวสู่ความมั่นใจในพุทธภาวะแห่งตน 
และได้รับการพยากรณ์แล้ว


ภูมินี้จะตื่นจากภวังค์และถอดถอนมิจฉาทิฐิ 
ดำเนินชีวิตอยู่ในสมาธิตลอดเวลา 
โดยไม่มีการเข้าออก

ลืมตาหรือหลับตา ก็ดำรงอยู่ในสมาธิ
โพธิสัตว์ภูมินี้ จะมีชีวิตปกติธรรมดา 
จะทำกิจอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด 
ภายใต้กำลังของจิต
ประกอบด้วยปัญญาและกรุณาอันเข้มแข็ง
ภูมินี้มี "ปณิธานบารมี" เป็นใหญ่ 
เพราะจิตใจกลายเป็นมหาสัตว์แล้ว
ไม่มีความอยากแม้ความหลุดพ้น 
เพราะหลุดพ้นไปจากความหลุดพ้นแล้ว
หนักแน่น มั่นคง ไม่ผันแปรจากปนิธาน
การสัมผัสพุทธภาวะ 
การหยั่งเห็นพระพุทธเจ้าในนิมิต 
ถือเป็นเรื่องปกติ สำหรับภูมิธรรมนี้

***ย้ำ!!สูงสุดคืนสู่สามัญ***
ภูมินี้จะมีชีวิตปกติธรรมดาที่สุด 
จะทำกิจอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

ภายใต้กำลังของจิต
ประกอบด้วยปัญญาและกรุณาอันเข้มแข็ง
เส้นทางนี้ ลึกซึ้งเกินหยั่งถึง 
เพราะทุกภูมิหนุนนำด้วยปัญญา 
และสุญญตาวิหารตลอดเส้นทาง

ไม่มีใครหยั่ง โพธิจริยา ได้หรอก

ด้วยสัจจะแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายนั้น 
ปราศจาก ...ภาวะ

เพราะเมื่อใดที่เกิดภาวะแห่งตนแล้ว
ก็จะมีบัญญัติต่างๆ ตามมามากมาย

มีบัญญัติการเข้าถึงและการไม่เข้าถึง
มีบัญญัติการเห็นแจ้งและการไม่เห็นแจ้ง

มีความเห็น มีทิฐิทั้งปวงเกิดขึ้น
นั่นได้ นี่ไม่ได้ ตกหล่นในทวิภาวะจนติดขัด
อัตตาและมานะยิ่งทบทวีเป็นเงาตามตัว

โพธิสัตว์ทั้งปวงจึงปราศจากสังขารภาวะ
หากแต่อาศัยมหากรุณาจิตเป็นสังขาร

"สังขาร" แปลว่า การปรุงแต่ง

หากปรุงแต่งภาวะต่างๆ
แม้เพื่อมุ่งหวังความหลุดพ้นก็จะเป็นไปเพื่อ..ตน

หากปรุงแต่งมหากรุณา ทุกอิริยาบถจะเป็นไปเพื่อ...เวไนย

"มหาปัญญา" 
นี้ทำให้การท่องเที่ยวของพระโพธิสัตว์
ไม่ตกสู่สังสารวัฏและไม่ด่วนนิพพาน

มหาอุปายะ(อุบายธรรม)มากมายจึงอุบัติ

เพื่ออะไรนะหรือ??
ก็เพื่อ..
อนุโลมสัตว์ทั้งปวงเข้าสู่กระแสแห่งโพธิญาน


แม้พระพุทธองค์ยังตรัสกับพระอานนท์ว่า

"ดูกร อานนท์

มหาสมุทรลึกล้ำทั้งปวงยังหยั่งได้
แต่ภูมิธรรมพระโพธิสัตว์นั้น 

อันได้แก่ 
ฌานสมาบัติ ปรัชญา ธารณี ปฎิภาน ศาสตราคม 
อาถรรพณ์เวช นานาศิลปวิทยา 
ที่พระโพธิสัตว์ต้องเจนจบ
เป็นฐานะ 
ที่ย่อมประมาณ หยั่งถึงมิได้เลย

พระโพธิสัตว์ 
มิหมายมั่นในอสังขตธรรม(นิพพาน) 
และไม่สละ สังขตธรรม(สังสารวัฏ)จนหมด

ไม่ถือเอาสุญญตาธรรม เป็นธรรมอันบรรลุ

แม้พิจารณาธรรม 
อันปราศจากการมา การไป จนเจนจบ

แต่ยังมี 
กุศลธรรมเป็นที่หมาย 
เพราะยังต้องใช้อุปาทานธรรมในการโปรด

จริยาวัตรของพระโพธิสัตว์นั้น 
จึงเกินปัญญาที่ปุถุชนจะเข้าใจ ได้"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์