วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สละ....แม้รัก เพื่อรักที่ยิ่งใหญ่กว่า


สละ....แม้รัก 
เพื่อรักที่ยิ่งใหญ่กว่า
วันนี้ 
อาม่าจะมาแบ่งปันการยกระดับจิตวิญญาน
เกี่ยวกับความรักของอาม่าเป็นวิทยาทานให้ลูกๆเข้าใจ
ก่อนนั้นเมื่อยังศึกษาธรรมใหม่ๆ 
อาม่าเคยคิดว่า 
ผู้ที่ปฎิบัติธรรมสามารถครองเรือนมีรักได้ 
เหมือนกับที่คนทั่วๆไปเขามีกัน

ต่อมา
เมื่อเข้าสู่กระแสการโปรดก็เข้าใจอย่างตื้นๆว่า 
หากเข้าสู่วิถีนี้ต้องสละ
เพราะเป็นผู้โปรด แล้วยังติดข้องในกาม 
ยังมีฉันทะ ความพึงพอใจ 
และยังข้ามผ่านตัวตนไม่ได้
มองไม่เห็นรูปและนาม 
หรือธรรมชาติที่ไหลเคลื่อนตามเหตุปัจจัย 
แล้วจะเอาธรรมใดมาโปรดปวงสัตว์
เมื่อสภาวะตนเองก็ยังติดข้อง 
มีฉันทะ
(ความพึงพอใจ)
กับมายา
อันได้แก่การให้ค่าว่าเป็นบุรุษสตรีอยู่เนืองๆ เสมอๆ
อันนำมาซึ่งปัญหาอุปสรรคมากมายในวิถี
เคยเข้าใจสภาวนั้นผิดๆว่า...
บารมียิ่งมาก
การเสียสละก็จะดำเนินไปอย่างเข้มข้นมาก 
ต้องข้ามผ่านได้ ต้องสละได้
แต่จริงๆ สภาวะแห่งการต้องสละนี้ 
ยังตื้นเขินอยู่
กายหลุด แต่ใจยังไม่หลุด 
เพราะคำว่า 
"สละ" 
หมายถึงว่า ต้องมีความผูกพันก่อนแล้วจึงจะวาง
แต่วันนี้
วันที่ไร้แม้แต่กาลเวลา ไร้จุดเริ่มต้น ไร้จุดจบ 
สิ้นสุดการแสวงหาใดๆ
อาม่าก็มองเห็นอย่างลึกซึ้งแล้วว่า
แท้ที่จริงไม่ต้องสละอะไรเลย

เพราะหากเข้าสู่สภาวธรรมปรมัตถบารมี
อันเป็นมหาปนิธานของพระโพธิสัตว์จริงๆแล้ว
ความรักจะแปรเปลี่ยนไป
มองเห็นรูปเป็นความว่าง 
คือ 
"มหาปัญญา"
มองกลับอีกทีเห็นความว่างเป็นรูป
ย่อมเป็น 
"มหากรุณา"
"มหาอุปายะ" 
จึงตามมามากมาย เพื่อฉุดช่วยปวงสัตว์
รักนั้นก็กลายเป็นรักแห่งโพธิ 
ที่ไร้ผู้ให้ ไร้ผู้รับ ไร้ข้อแม้ ไร้เงื่อนไข
จึงไม่มีอะไรมาสละอะไรเลย
พรหมจรรย์นี้ จึงบริสุทธิ์ 
เพราะไม่มีแล้วความผูกพัน
อันมาจากความหลงผิด ว่าเป็นอะไรๆ
จะมีก็แต่ธรรมชาติล้วนๆ
ที่ไหลเคลื่อนตามเหตุปัจจัยจริงๆ

ความรักที่ถูกต้อง
คือ 
ความ เมตตากรุณา และกตัญญู 
รวมถึงการอภัย 
อโหสิต่อทุกสรรพสิ่ง 

และที่สำคัญ
คือ
ความกตัญญูต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

ในความหมายของคำว่ารักอีกอย่าง
คือ
การซื่อสัตย์สุจริตต่อครอบครัว
และหน้าที่การงาน 

ดังนั้น
นิยามของความรัก
ที่ตรงต่อพุทธธรรม
ก็คือ 

การให้การเสียสละ การเกื้อกูล 
การอนุเคราะห์ การช่วยเหลือการค้ำคูณ
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์