วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

พระโพธิสัตว์รู้เท่าทันเรื่องของมาร แต่ก็สำแดงตนเข้าพัวพันกับมาร

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

พระโพธิสัตว์รู้เท่าทันเรื่องของมาร
แต่ก็สำแดงตนเข้าพัวพันกับมาร

อาศัยปัญญาและอุบาย 
เพื่อชักจูงมารเข้าสู่พุทธภูมิ

พระโพธิสัตว์ย่อมสำแดงประหนึ่งเสวยกามคุณทั้ง5
แต่จริงๆบำเพ็ญฌานสมาบัติ ตลอดเวลา
ทำให้มารงงงวยไม่พบช่องโอกาส
สำแดงมายารุกรานพระโพธิสัตว์ได้
พระโพธิสัตว์ต้องแสดงธรรมให้ปวงสัตว์
ที่ยังยึดในนิจจัง นิจจสัญญา ให้เห็นธรรมอนิจจัง
และเดินทางหันหน้ามาพึ่งพิงพระโพธิสัตว์ยังสถานที่อาศัย
แม้นรู้แจ้งในธรรม ที่ไร้การเกิด-ดับ
แต่เพื่อโปรดสรรพสัตว์ ก็ยังต้องวนเวียนในสรรพโลกานุโลก

อุปมาเช่น ปฐพีที่สูงไม่อยู่ในฐานะที่ดอกบัวจะอุบัติ
แหล่งของดอกบัวคือโคลนตม
ดังนั้น สรรพกิเลส ล้วนเป็นแหล่งกำเนิด
แห่งผู้ที่จะเข้าถึงพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญานในอนาคต
พระโพธิสัตว์ ผู้มิได้เข้าสู่ท่ามกลางมหาโอฆะแห่งกิเลส
จะฉุดช่วยสรรพสัตว์ได้อย่างไร
****แต่ท้ายที่สุด ปัญญาญานแห่งพระโพธิสัตว์นั้น
มองว่า 
"เทพหรือมาร คือสิ่งเดียวกัน"

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เพื่อ..รักแล้ว พระโพธิสัตว์เป็นได้ทั้งเทพทั้งมาร โปรด....และปราบ ในภารกิจเดียวกัน

ในภาพอาจจะมี 1 คน
เพื่อ..รักแล้ว
พระโพธิสัตว์เป็นได้ทั้งเทพทั้งมาร
โปรด....และปราบ ในภารกิจเดียวกัน
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ศาสนาของข้าพเจ้า คือธรรมชาติ
วิหาร วัด ของข้าพเจ้า คือโลกใบนี้




การที่เราจะสอนใครหรือช่วยใครก็แล้วแต่ เราอย่าเอาจิตไปจดจ่อกับบุคคล หรือผลของมัน

ในภาพอาจจะมี 1 คน

เหล่าโพธิของพ่อ
"การที่เราจะสอนใครหรือช่วยใครก็แล้วแต่ 

เราอย่าเอาจิตไปจดจ่อกับบุคคล หรือผลของมัน"


ธรรมะคือธรรมชาติ
การสอนโดยเนื้อหาแห่งธรรมนั้น
ก็คือการสมมุติธรรมชาตินั้นๆขึ้นมาสอน
ตามแต่เหตุและปัจจัย

การช่วย เกื้อกูลโดยเนื้อหาแห่งโพธิจิตนั้น
ก็คือการสมมุติธรรมชาตินั้นๆขึ้นมาช่วย
ตามแต่เหตุปัจจัย

โดยไม่มีอัตตาเป็นผู้คาดหวังว่า
สรรพสัตว์คนนั้นจะคิดเช่นไร
หรือมีปฎิกิริยาต่อเราเช่นไร

สำเร็จหรือไม่
ล้มเหลวหรือไม่

อย่ายืดเยื้อ อย่าเยิ่นเย่อ อย่าเลี้ยงไข้ 
อย่าติดตามผล

หยั่งเห็นความว่างและผ่านตลอด
จึงจะตรงต่อธรรมอนัตตา
โอวาท....พระอวโลกิเตศวรมหาสัตว์มหาโพธิสัตว์

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ถ้าลูกหวังผลในการช่วยผู้อื่น 
ลูกจะทุกข์
ทุกข์เพราะ 
"ยึดดี"
เป็นทุกข์ที่ พระโพธิสัตว์ของพ่อต้องข้ามผ่านให้ได้

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อั้วะไม่ได้มีพวกลื้อ เพื่อให้มาเดินตามหลังอั้วะ

ในภาพอาจจะมี สถานที่ในร่ม
อั้วะไม่ได้มีพวกลื้อ เพื่อให้มาเดินตามหลังอั้วะ 
แต่อั้วะอยู่กับพวกลื้อ... ทุกวันนี้
เพราะต้องการปลุกปัญญาบารมี 
อุปายะบารมีที่ลื้อมีอยู่แล้วในโพธิจิต 
ให้เติบโตยิ่งขึ้น

เพื่อเป็นอนันตประทีปให้แก่ผู้อื่นได้
และผู้ที่จะเป็นที่พึ่ง เป็นแสงสว่างให้ผู้อื่นได้ 
หัวใจลื้อต้อง...."ยิ่งใหญ่"!!!!!
อาม่า#พระเชนเรซิก#

การประกาศตนเป็นพระโพธิสัตว์ ใช้สัญลักษณ์ ซึ่งให้ค่าได้เพียงอุปายะหนึ่ง

การประกาศตนเป็นพระโพธิสัตว์ ใช้สัญลักษณ์ ซึ่งให้ค่าได้เพียงอุปายะหนึ่ง

  • การประกาศตนเป็นพระโพธิสัตว์ของอาม่าทำให้หลายคนที่จิตใจคับแคบและยังมีภูมิปัญญาต่ำเกินจะหยั่งมรรคาแห่งโพธิสัตว์ รู้สึก"หมั่นไส้"
  • เขาไม่รู้ว่า อาม่าจำเป็นต้องประกาศ 
  • ใช้สัญลักษณ์ ซึ่งให้ค่าได้เพียงอุปายะหนึ่ง
  • เพื่อรวบรวมลูกหลานที่ยังตามหากันไม่เจอ 
  • ได้ตามหากันจนเจอและปลุกโพธิจิต
  • แต่มรรรคาแห่งอาม่านั้น
  • เป็นโพธิสัตว์โดยมิได้.....เป็น
  • ท่องเที่ยวไปโดยมิได้ท่องเที่ยว
  • และกระทำโดยไม่ได้กระทำ(อุปายะล้วนๆ)
  • ในการฝึกฝนจิตของพระโพธิสัตว์ ไม่มีแม้นาทีเดียวที่จะแยกขาดจากสังสารวัฏได้
  • การเกิดและการตายในสายตาพระโพธิสัตว์มีคุณค่า และเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ไม่ประมาทในการในการทำความรู้จักตนเอง
  • ความตายทำให้คนรู้จักธรรม
  • เพราะการเกิดการตายมีคุณค่า 
  • พระโพธิสัตว์จึงสนใจเรื่องกรรมและการเกิดใหม่
  • พระโพธิสัตว์คุ้นเคยและหยั่งเห็นสัมผัสทุกข์ของปวงสัตว์จำนวนมาก ก่อให้เกิดความปรารถนาจะปลดปล่อยทั้งตนเองและผู้อื่นพ้นจากวงจรเวียนว่ายตายเกิดนั้น
  • ความหมายและคุณค่าของโพธิจิต คือการมองเห็นว่า
  • "ไม่มีอะไรถูกผลักไส หรือน่าชิงชังรังเกียจเลย"
  • ดังนั้น กรรมฐานของพระโพธิสัตว์จึงลึกซึ้งเกินที่บุคคลทั่วไปจะหยั่งถึง เพราะพระโพธิสัตว์ทำหน้าที่ตนเต็มความสามารถเต็มกำลังก็จริงอยู่
  • ***หากแต่เป็นเรื่องเหตุปัจจัยตามปนิธาน 
  • ไม่มีข้อผูกพันระหว่างตัวตน 
  • ไม่มีผู้ให้และไม่มีผู้รับ
  • ไม่มีผู้อยู่เหนือและผู้อยู่ต่ำ
  • ไม่มีความดีและผลแห่งความดีที่คาดหวังไว้ล่วงหน้า
  • หากยังมีตัวตนในกระบวนการโปรด 
  • ผูกพันความคิดระหว่างตนและผู้อื่น
  • ก็จะมีตนเองสำหรับทำงานสำเร็จหรือล้มเหลว
  • สำเร็จก็ยินดีล้มเหลวก็เสียใจ 
  • ภาวะนี้ เป็นภาวะที่พระโพธิสัตว์ตัองข้ามผ่าน
  • เหตุผลในความจริง คือไม่มีภาวะโพธิสัตว์ สรรพสิ่งทั้งปวงย่อมปราศจากอัตตา แก่นสาร ตัวตนที่แบ่งแยก
  • สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพียงชื่อบัญญัติ 
  • แม้แต่คำว่าโพธิสัตว์ก็เป็นเพียงแค่..นาม
  • และต้องมองให้เห็นด้วยว่าไม่ได้แยกขาดจากสิ่งใด ไม่ใช่ตัวตนที่เป็นอิสระ
  • หยั่งให้เห็นการอิงอาศัยซึ่งกันและกัน(อิทัปปัจจยตา)ก็จะทำหน้าที่ด้วย เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา(วางเฉยต่อทุกปรากฏการณ์ได้)
  • ปัญญาญานลักษณะนี้ จะทำให้การทำหน้าที่ราบรื่นและเสมอภาค และหยั่งสู่ความว่างตลอดเส้นทาง
  • เส้นทางที่ราบไร้ ปราศจากการมาการไป

อาม่า#พระเชนเรซิก#

ในภาพอาจจะมี สถานที่กลางแจ้ง
หน้าที่ ...อันยิ่งใหญ่

วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ปฎิบัติไปเพื่ออะไร

ในภาพอาจจะมี 1 คน

#ก็ไม่มี"อะไร"...จะให้เอา

#คำตอบคือ "แค่รู้"
พวกลื้อต้องแยกทำความเข้าใจให้ดีตรงจุดนี้
ตราบใดที่ลื้อยังมีขันธ์5 ลื้อก็ต้องทำมาหากินเพื่อหล่อเลี้ยงขันธ์ ให้ดำรงอยู่ได้ (มิใช่เพิกเฉยต่อการงาน)
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องรู้เท่าทันด้วยว่า ลื้อจะครอบครองสิ่งใดในโลกใบนี้นั่นเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ยืมใช้ได้ชั่วคราว
ลื้อต้องรู้ความจริงว่า แม้แต่ขันธ์5ร่างกายลื้อก็เกิดดับตามเหตุปัจจัย ตัวตนแท้จริงลื้อไม่มี แม้อยากยึดครองสักเท่าไหร่ ก็ยึดไว้ไม่ได้
ลื้อจะต้อง"รู้"และตัวรู้นี่แหละเป็นธรรมสูงสุด เพื่อไม่ทุกข์กับโลกที่ไม่มีจริงนี้
แค่รู้...เพื่อให้จิตเกิดปัญญาว่า วัตถุสิ่งของเครื่องใช้ วันหนึ่งถึงมันไม่จากลื้อ ลื้อก็ต้องจากมัน
แค่รู้...เพื่อเข้าใจโลกตามความเป็นจริง
แค่รู้...เพื่อให้จิตเหนือโลก ไม่ถูกย่ำยีด้วยโลกธรรม8(โลกกระทำ)
แค่รู้...ทำให้ใช้สอยธรรมชาติด้วยความเมตตา ไม่เอารัดเอาเปรียบ ทำลายธรรมชาติมากไปกว่าเท่าที่จำเป็น
แค่รู้...เพื่อเห็นคุณค่าแท้ของสิ่งรอบตัว เป็นนายวัตถุไม่ใช่ธาตุวัตถุ อยู่กับโลกเบาสบายมีความสุขไม่แบกโลก
แค่รู้...จึงไม่ใช่เพื่ออะไร
เพื่อยกจิตลื้อให้เป็นกลางเหนือความยึดและความปล่อยวาง สมดุลในชีวิต
หากทุกคนสวมหัวลิงหัวยักษ์ไม่ยอมถอด เพราะคิดว่าตนเองเป็นลิงจริง เป็นยักษ์จริง ชีวิตคงมีแต่ทุกข์ ใครเห็นก็ต้องว่าบ้า ทำอะไรคงเกะกะน่าดู
ลูกรัก...เมื่อถึงเวลาแสดงลื้อสวมมัน หมดเวลาลื้อก็ควรถอดออก
แต่ถ้ามี"ตัวรู้" ลื้อจะไม่ต้องสวมและไม่ต้องถอด
และการรู้ทั้งสิ้นทั้งปวง ก็จาก กาย-ใจ ที่เป็นเพียงธรรมชาติชั่วคราว ที่สมมุติว่าเป็นลื้อนั่นแหละ
*****ส่วนความวิจิตรพิสดารใดๆทางจิตที่ได้พบ ล้วนเป็นเพียงมายาทั้งสิ้น*****
#อาม่า#พระเชนเรซิก#

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

พุทธะนั้น ไม่มา ไม่ไป ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ผ่องแผ้ว ไม่หมองมัว นั้นแหละ "โคตระ ปัทมะ"

ในภาพอาจจะมี 2 คน

เชนเรซิกเอ๋ย..
ต้นตระกูลเรา คือ "ปัทมะ" (ดอกบัว)
และดอกบัวนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มหรือลดอะไรอีก
ขอเพียงให้เจ้าเป็น"ดอกบัว"ของพ่อก็เพียงพอแล้ว
เช่นเดียวกัน...นะลูก
มนุษย์ทุกคนก็เป็นดอกบัวของพ่อ
เขาพร้อมจะเป็น หน่อเนื้อพุทธางกูรเสมอ
เพียงแค่เขาทำหน้าที่ในการเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง และมันก็เพียงพอที่จะทำให้โลกเบิกบาน ศานติ สงบเย็น
ดังนั้น...ลูกจงอย่าท้อถอยในมหาปนิธาน
จงฟื้นความเป็นดอกบัว คือ"โพธิจิต"
ให้ทุกสรรพจิต ดำรงในพรหมวิหาร4
ตั้งมั่นในความ กตัญญูกตเวที
ขึ้นตรงต่อพระรัตนตรัย
และทำหน้าที่ตนให้สมบูรณ์
เชนเรซิกเอ๋ย...
มนุษย์นั้น ต้องมีศีลธรรม จริยธรรมอันดีงามเป็นบาทฐานเสียก่อนจึงก้าวสู่ถนนพระโพธิญานได้
ในขณะเดียวกัน พระนิพพานนั้น ก็สำคัญ
เพราะการตระหนักถึงความจริงสูงสุดจะทำให้มนุษย์ทำหน้าที่นั้นๆอย่างไม่ทุกข์และเร่าร้อน
สิ่งที่ลูกต้องทำคือ
"ให้เขาเห็นความเชื่อมโยงทั้งโลก"(อิทัปปัจจยตา)
เพราะถ้าเขาเห็นความเชื่อมโยงทั้งโลก
เขาจะมีสติปัญญามากขึ้น
และเมื่อมีสติปัญญามากขึ้น
เขาจะไม่ถูกต้อนให้จนมุมด้วยปัญหาเล็กๆน้อยๆ
เขาจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดต่างๆได้ง่ายขึ้น
และชีวิตที่ผิดพลาดน้อย จะมีทัศนะชีวิตทีมีความสุขขึ้น ลึกซึ้งขึ้น แก้ไขปัญหาใดๆได้ดีขึ้น
นิพพานแปลว่าดับ ดับในที่นี่
คือดับสิ้น ในการคิดให้ค่าบัญญัติญัติใดๆ
ดังนั้น...ลูกจงบอกเวไนยเถิดว่า
"นิพพานไม่ใช่สภาวะที่จะบรรลุถึงเมื่อพวกเขาตาย"
ความตาย ความเกิด การเป็น การไม่เป็น การมาการไป เป็นบัญญัติโลกที่ใช้แทนสภาวะธรรมชาติ ให้แยกแยะและสื่อสารเข้าใจกันได้เท่านั้น
เมื่อความคิดในสมมุติบัญญัติใดๆ"ดับ"
(คือการรู้เท่าทัน ไม่ใช่ไม่คิด)
เพราะความคิดคือหน้าที่ตามธรรมชาติของสังขาร***ซึ่งยังไงมันก็ต้องคิดแต่รู้เท่าทัน
โดยยังทำหน้าที่สมบูรณ์
ไม่ทิ้งสมมุติและรู้เท่าทันสมมุติ
เวไนยทั้งมวล จึงสามารถเข้าถึงนิพพานได้ที่นี่ เดี๋ยวนี้ โดยการหายใจอย่างมีสติเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ในชีวิตประจำวัน
พรหมวิหาร4นั้น จักทำให้เขายิ้มและสมบูรณ์ทั้งหลับและตื่น
เพราะสำหรับพระนิพพานนั้น"เวลาและกาละไม่มี จึงไม่จำเป็นใดๆเลย ที่ดอกบัวของพ่อต้องมีการ"รอคอย"
พุทธะนั้น ไม่มา ไม่ไป ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ผ่องแผ้ว ไม่หมองมัว
นั้นแหละ "โคตระ ปัทมะ"
หน่อเนื้อพุทธางกูรอันเป็นต้นตระกูลของเรา

หนึ่งในวิชาของพระโพธิสัตว์ คือ"พลังเคลื่อย้ายจักรวาล

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ข้อความ
#วิชาของพระโพธิสัตว์#
หนึ่งในวิชาของพระโพธิสัตว์ คือ"พลังเคลื่อย้ายจักรวาล"ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายกรรมสรรพสัตว์ได้
เรียกอีกอย่างว่า"พุทธานุสติ" เป็นกรรมฐานที่เหมาะกับผู้ปรารถนาดำเนินวิถีแห่งโพธิสัตว์
มีจุดมุ่งหมายที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาน
เพราะกรรมฐานข้อนี้จะช่วยให้เราตระหนักถึงพุทธจริยาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เกิดกำลังใจในการบำเพ็ญบารมี10ทัศน์ให้สมบูรณ์
อานุภาพของพุทธานุสตินั้น เหนือพรรณา เพราะกระแสแห่งความสั่นสะเทือนตั้งแต่
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ก็ดี
แสดงปฐมเทศนาก็ดี
ทรงปรินิพานก็ดี
พลังงานแห่งการสั่นสะเทือนนั้นทั่วหมื่นโลกธาตุ และยังพลังงานสาธุ ของเทพยดาทั่วจักรวาลที่มีต่อพระพุทธเจ้าอีก
คลื่นพลังงานเหล่านั้นยังคงอยู่ แทรกซึมอยู่ในทุกสรรพสิ่ง อย่างเต็มเปี่ยมทั่วพิภพ มหาสมุทรและจักรวาล
ผู้ใด..ที่ฝึกรับพลังงานพุทธานุภาพได้
ก็จะหลวมรวมกับมหาโพธิสัตว์และองค์พุทธะได้
สิ่งที่จะได้ตามมาคือ
1.กำลังแห่งพระโพธิญานจะแข็งกล้าขึ้น จะสว่างกระจ่างในธรรมและมีกำลังแห่งจิตตานุภาพ ในการน้อมพลังมาช่วยเหลือสรรพสัตว์
2.บุพเพนิวาสานุสติญาน ญานอันรู้อดีตชาติของตน และของสรรพสัตว์ได้ เพื่อแก้ไข เป็นสัญญาเก่าที่รุนแรงของวิชาโพธิสัตว์
3.อำนาจสมาธิอันเกิดจากพุทธคุณจะได้รับการปกป้องคุ้มภัยจากพระพุทธเจ้าทั้งสิบทิศ มีสง่าราศี มีรัศมีจากกายที่เรียกว่า"ออร่า" มีกำแพงแก้ว กางกั้นสิ่งชั่วร้าย
***แม้จะเป็นวิบากกรรมเก่า ก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้อย่างอัศจรรย์
#การหลอมรวมตัวเรากับพุทธะเป็นกรรมฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง#ผู้เข้าสู่พุทธานุสติได้ ย่อมเข้าถึงกรรมฐานกองอื่นๆได้ง่าย และอานุภาพกรรมฐานกองนี้ พิสดารลุ่มลึกเกินกว่าใครจะหยั่งถึง
ดังคำกล่าวที่พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า.....
"ดูกร อานนท์
มหาสมุทรลึกล้ำทั้งปวงยังหยั่งได้
แต่ภูมิธรรมพระโพธิสัตว์นั้น
อันได้แก่ ฌานสมาบัติ ปรัชญา ธารณี ปฎิภาน ศาสตราคม อาถรรพณ์เวช นานาศิลปวิทยา ที่พระโพธิสัตว์ต้องเจนจบ
เป็นฐานะ ที่ย่อมประมาณ หยั่งถึงมิได้เลย
พระโพธิสัตว์ มิหมายมั่นในอสังขตธรรม(นิพพาน) และไม่สละ สังขตธรรม(สังสารวัฏ)จนหมด
ไม่ถือเอาสุญญตาธรรม เป็นธรรมอันบรรลุ
แม้พิจารณาธรรม
อันปราศจากการมา การไป จนเจนจบ
แต่ยังมี กุศลธรรมเป็นที่หมาย เพราะยังต้องใช้อุปาทานธรรมในการโปรด
จริยาวัตรของพระโพธิสัตว์นั้น จึงเกินปัญญาที่ปุถุชนจะเข้าใจ ได้"
#ที่ผ่านมา#อาม่าสอนแค่พื้นฐานให้กับลูกๆกลุ่มโพธิญาน เพราะต้องรอเวลาให้ฐานปัญญาแน่น ละตัวตนอย่างหยาบๆได้เสียก่อน
แล้วจึงจะสอนวิชาโพธิสัตว์ "ที่ไม่มีในตำรา"ได้ ให้กับผู้ที่มั่นใจแล้ว ในวิถีแห่งโพธิญานจริงๆ
อาม่า#พระเชนเรซิก#

นี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของเราหรอกลูก กี่ภพ...กี่ชาติ "เราก็ข้ามเวลามาพบกัน"

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง, เด็ก และ สถานที่กลางแจ้ง
#มีกฏใหม่ในกลุ่มโพธิญาน สมัครมาเป็นลูกอาม่าแล้ว ห้ามยื่นใบลาออก 55555+#
ลูกรัก หากเจ้ามีโพธิจิตเสียแล้ว อาม่ากับเจ้าจะถึงกันเสมอ
ในยามน้ำตาร่วงก็ร่วงด้วยกัน
ในยามหัวเราะก็หัวเราะด้วยกัน
มันเป็นพันธสัญญาพันธกิจที่เชื่อมต่อมานาน
ที่อาม่าจะต้องประคองเจ้าจนกว่าเจ้าจะยืนหยัดเข้มแข็ง
ซึ่งมันไม่ใช่แค่"ภพนี้"
แต่หมายถึงอเนกอนันตชาติที่ผ่านมาและกาลข้างหน้าอีกด้วย
การบำเพ็ญโพธิจิตของเจ้า มันมิใช่เพิ่งเกิดหรอกลูก เพียงสัญญาวิปลาสของจิตเจ้าปิดบังไว้ ทำให้เจ้าจดจำปนิธานแห่งตนไม่ได้
แต่ถึงอย่างไร จิตเดิมแท้เจ้าก็แสดงตนทุกครั้งที่เจ้าเมตตากรุณา สงสารหยิบยื่นสิ่งละอันพันละน้อยให้ผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น
แม้การให้ข้าวหมาแมวพเนจร
แม้การจอดรถเก็บตะปูบนถนน
แม้การหยอดเหรียญ ให้ขอทาน และอื่นๆ
ล้วนเป็นปนิธานที่ฝังลึกในจิตวิญญานเจ้าทั้งสื้น
โพธิจิต คืออะไรหรือลูก
โพธิจิต คือจิตที่มุ่งหวังความรู้แจ้ง การตรัสรู้
โพธิจิตคือพุทธพีชะ หรือเมล็ดพันธ์น้อยๆที่อยู่ส่วนลึกในใจทุกดวงจิต
เหมือนกับเรามีดี แต่หลงลืม ไม่รู้เก็บไว้ไหน
อาม่าจะชี้ทางให้เจ้า ในการค้นหาโพธิจิต
เริ่มจากตัวเจ้าก่อน คือสัมผัสทุกข์ในตน เข้าใจทุกข์ จนเข็ดหลาบและไม่อยากให้เกิดกับตนอีก
เมื่อเรารู้จักทุกข์แล้ว เราก็เห็นใจชีวิตอื่นไม่อยากให้ผู้อื่นต้องพบทุกข์เหล่านั้นด้วย
ความปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ คือจุดเริ่มต้นของโพธิจิต
การปรารถนา สู่ความเป็นพุทธะของเรา
ก็เพื่อสร้างบารมีที่ยิ่งใหญ่
เพื่อให้มีกำลังปลุกผู้อื่นให้ตื่นจากทุกข์และเข้าสู่พุทธะนั่นเอง
วิถีโพธิสัตว์จึงเป็นวิถีสืบสานโยงใยอบอุ่น
จึงไม่แปลกเลยที่หลายคนทั้งหญิงชาย
แค่คุยแชท คุยโทรศัพท์ หรือคุยไลน์หรือมาพบอาม่า จะน้ำตาไหล ตัวสั่น ปิติตื้นตัน
ความเป็นมนุษย์ไม่เข้าใจหรอก
ทำไมผมถึงร้องไห้ ทำไมหนูถึงร้องไห้
ทำไมถึงรักอาม่า
ทำไมเจ็บป่วยทรมานจึงเรียกหาอาม่าให้ช่วยด้วย
แต่จิตเดิมแท้ข้างใน เขาจำอาม่าได้
ที่ปิติตื้นตัน เขาไม่มีเหตุผลให้เราหรอก
เพราะเขาแค่...รอคอยและตามหามานาน
นี่!!!ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของเราหรอกลูก
กี่ภพ...กี่ชาติ
"เราก็ข้ามเวลามาพบกัน"
#โอม มณี ปัทเม หุม#

ผู้บรรลุ ผู้ไม่บรรลุ สิ่งที่บรรลุ ล้วนมายา จิตธรรมดา หรือจิตตรัสรู้ ล้วนมายาเท่าเทียมกัน

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, มหาสมุทร, ท้องฟ้า, ชายหาด, เด็ก, สถานที่กลางแจ้ง, น้ำ และ ธรรมชาติ

ความว่าง(พระนิพพาน)..เป็นดังน้ำ
ตัวตนเป็นเหมือนคลื่น
เมื่อเห็นว่าชีวิตเป็นคลื่น
ย่อมมีต่ำสูง อ้วนผอม แรงหรือเบา
แต่ทั้งหมด ก็มีความเป็นน้ำเหมือนกัน
คลื่นลูกหนึ่งสูงได้ก็เพราะคลื่นลูกอื่นผลักดัน
คลื่นไม่ได้เกิดขึ้นและไม่ได้ดับไป
เพราะธรรมชาติที่เชื่อมโยงอันไร้ขอบเขต
คลื่นเป็นเพียงการแบ่งแยก
ทั้งที่ความจริงก็ต่างเป็นน้ำทุกเกลียวคลื่นนั่นแหละ
ตัวตนนั้นเป็นมายาเพราะเราแบ่งแยกออกจากความว่างนั่นเอง
ดังนั้น เมื่อพบความว่าง
จำเป็นหรือ ที่คลื่นต้องตาย แล้วจึงจะกลายเป็น"น้ำ"
เรา ก็ไม่จำเป็นต้องตาย เพื่อพบพระนิพพาน
เพราะมายา..ที่เราเรียกว่า ชีวิตนี้ (คลื่น)
อยู่บนพื้นฐานแห่งการไม่เกิดไม่ตายอยู่แล้ว (ความเป็นน้ำ)
ไม่ต้องจินตนาการ ปรุงแต่งสวรรค์ นิพพานนอกตัว
เพราะนิพพานดำรงอยู่แล้วในตัวเธอ
ไม่ว่าเธอจะสร้างอุปาทาน ว่าเกิด ตาย
หรือ หมดอุปาทานไม่มีการเกิดตายก็ตาม
ดังคำกล่าวที่ว่า....
"ผู้บรรลุ ผู้ไม่บรรลุ สิ่งที่บรรลุ ล้วนมายา
จิตธรรมดา หรือจิตตรัสรู้ ล้วนมายาเท่าเทียมกัน"
อาม่า#พระเชนเรซิก#
ในภาพอาจจะมี เมฆ, ท้องฟ้า, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ
ทั้งคนทั้งจิต ทั้งนิพพาน ทั้งสังสารวัฎ ล้วนเป็นความว่างที่เสมอเท่ากันหมด

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สื่อธรรมท่านปรมาจารย์ตั้กม้อ ท่ามกลางผืนทราย

ในภาพอาจจะมี 2 คน
สาธุทุกท่านที่จิตเปิดค่ะ
ในภาพอาจจะมี 7 คน, สถานที่กลางแจ้ง

ในภาพอาจจะมี 4 คน, สถานที่กลางแจ้ง

ในภาพอาจจะมี 6 คน, ผู้คนกำลังนั่ง และ งานแต่งงาน

ในภาพอาจจะมี มหาสมุทร, ท้องฟ้า, เมฆ, สถานที่กลางแจ้ง, ธรรมชาติ และ น้ำ
ในภาพอาจจะมี ท้องฟ้า, ต้นไม้, ต้นพืช, สถานที่กลางแจ้ง, ธรรมชาติ และ น้ำ
ในภาพอาจจะมี 13 คน, ผู้คนกำลังยืน, งานแต่งงาน, ต้นไม้ และ สถานที่กลางแจ้ง

  • สื่อธรรมท่านปรมาจารย์ตั้กม้อ ท่ามกลางผืนทราย จาก"จิตสู่จิต" โดยสหธรรมมิก ผู้สูงด้วยโพธิจิต และสว่างด้วยธรรม
  • ทุกคน ชะงักงันด้วยความเงียบ จิตเปิดสื่อกันด้วยใจต่อใจ ไร้สิ่งปรุงแต่แม้"คำ"ที่เป็นเพียงสมมุติบัญญัติ
  • ธรรมชาติซักฟอกธรรมชาติโดยตัวมันเอง
  • สายลม แสงแดด เกลียวคลื่น
  • เรา เขา สัตว์ บุคคลไม่มี ณ เวลานั้น
  • มีแต่ธรรมชาติล้วนๆ
  • ดั่งคำกล่าวที่ว่า....
  • มหายาน เป็นยานใหญ่ที่สุดกว่ายานทั้งปวง มันเป็นยานพาหนะของพระโพธิสัตว์
  • ผู้ซึ่งใช้ทุกสิ่งโดยไม่ต้องใช้สิ่งใด !
  • และผู้ท่องเที่ยวไปทุกวันโดยไม่ต้องท่องเที่ยว !
  • ยานเช่นนั้นเป็นยานของพระพุทธเจ้าด้วย.
(พระโพธิธรรม ตั๊กม้อ)


ในภาพอาจจะมี 3 คน, ผู้คนกำลังนั่ง และ เด็ก
ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน, ต้นไม้ และ สถานที่กลางแจ้ง


























วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การปฎิบัติธรรมมิใช่การออกจากสังคม มิใช่การหลีกหนีสังคม

ในภาพอาจจะมี 19 คน, คนที่ยิ้ม, ต้นไม้ และ สถานที่กลางแจ้ง
ชอบภาพนี้ พระองค์ท่านยิ้ม เมื่อลูกๆมากราบ
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ต้นไม้ และ สถานที่กลางแจ้ง
  • เมื่ออาม่าแสดงธรรม"ตถตา"บนผืนทราย
  • โดยการชูกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วตั้งคำถามกับลูกๆว่าเห็นอะไร
  • การปฎิบัติธรรมมิใช่การออกจากสังคม มิใช่การหลีกหนีสังคม
  • แต่เป็นการเตรียมพร้อมที่จะกลับคืนสู่สังคมอีกครั้ง
  • เราเรียกการปฏิบัติเช่นนี้ว่า "พุทธศาสนาที่ครอบคลุมทุกมิติของชีวิต"
  • เมื่อเราไปปฏิบัติธรรมเราอาจจะมีความรู้สึกว่าเราได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง อันได้แก่ครอบครัว สังคม ตลอดจนสิ่งทั้งปวงที่เกี่ยวเนื่องกับครอบครัวและสังคมด้วย
  • แล้วคิดว่าเรามาในฐานะปัจเจกบุคคล เพื่อปฏิบัติและแสวงหาความสงบ
  • ความเข้าใจเช่นนี้ก็นับเป็นโมหะอย่างหนึ่งเพราะในพุทธศาสนาไม่มีสิ่งที่เป็นปัจเจกบุคคล
  • ดังเช่นกระดาษแผ่นหนึ่ง คือ ผลพวงและองค์ประกอบจากปัจจัยหลายๆ สิ่ง
  • สายตาพระโพธิสัตว์ก็จะเห็นได้แจ่มชัดว่า มีเมฆก้อนหนึ่งกำลังลอยเลื่อนอยู่ในกระดาษแผ่นนี้
  • ปราศจากก้อนเมฆ ก็จะไม่มีน้ำ ปราศจากน้ำ ต้นไม้ก็ไม่สามารถงอกงามได้และปราศจากต้นไม้ ก็ไม่สามารถทำกระดาษได้ ดังนั้นก้อนเมฆจึงอยู่ในที่นี้ 
  • การปรากฏอยู่ของกระดาษแผ่นนี้ 
  • ขึ้นอยู่กับการปรากฏอยู่ของก้อนเมฆ 
  • กระดาษและก้อนเมฆสัมพันธ์แนบเนื่องกันเหลือเกิน
  • แสงอาทิตย์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะป่าไม้ไม่สามารถงอกงามได้โดยปราศจากแสงอาทิตย์ และมนุษย์เราก็ไม่สามารถเจริญเติบโตได้โดยปราศจากแสงอาทิตย์
  • ดังนั้น คนตัดไม้ซุงต้องการแสงอาทิตย์ เพื่อจะได้ตัดต้นไม้ และต้นไม้ก็ต้องการแสงอาทิตย์เพื่อการเป็นต้นไม้ เพราะฉะนั้นเราสามารถแลเห็นแสงอาทิตย์ในกระดาษแผ่นนี้
  • และหากเรามองลึกลงไปยิ่งกว่านี้
  • ด้วยแห่งสายตาแห่งโพธิสัตว์คนหนึ่ง 
  • ด้วยสายตาของคนผู้ตื่นรู้แล้ว
  • เราจะแลเห็นว่าไม่เพียงก้อนเมฆและแสงอาทิตย์เท่านั้น ที่ปรากฏอยู่ในกระดาษแผ่นนี้
  • แต่ทุกสิ่งทุกอย่างปรากฏอยู่ในที่นี้ด้วย เช่น ข้าว ปลา ผัก ผลไม้ ซึ่งแปรสภาพเป็นอาหารของคนตัดไม้ซุง
  • ยังพ่อของคนตัดไม้ซุงอีกเล่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในกระดาษแผ่นนี้
  • เราไม่สามารถชี้ระบุได้เลยว่า สิ่งใดไม่มีความสัมพันธ์กับกระดาษแผ่นนี้ ดังนั้นเราจึงกล่าวว่า
  • "กระดาษแผ่นหนึ่งสร้างขึ้นด้วยปัจจัยซึ่งไม่ใช่กระดาษ"
  • ก้อนเมฆเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งซึ่งไม่ใช่กระดาษ ป่าไม้เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งซึ่งไม่ใช่กระดาษ แสงอาทิตย์เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งซึ่งไม่ใช่กระดาษ
  • กระดาษแผนนี้สร้างขึ้นด้วยมวลปัจจัยซึ่งไม่ใช่กระดาษ
  • จนกระทั่งว่าหากย้อนกลับคืนสู่ปัจจัยซึ่งไม่ใช่กระดาษ ไปสู่แหล่งเดิมของสิ่งเหล่านั้นแล้ว
  • กล่าวคือ คืนก้อนเมฆสู่ท้องฟ้า คืนแสงอาทิตย์สู่ดวงตะวัน คืนคนตัดไม้ไปสู่พ่อของเขา
  • ดังนี้แล้วกระดาษย่อมเป็นสิ่งว่างเปล่า 
  • ว่างเปล่าจากอะไรหรือ?
  • ว่างเปล่าจากตัวตนหนึ่งซึ่งแยกขาดจากสิ่งอื่น
  • ตัวตนย่อมประกอบขึ้นด้วยปัจจัยทั้งมวลซึ่งไม่ใช่ตัวตน
  • ทุกอย่าง ก็กลายเป็นสิ่งว่างเปล่าอย่างแท้จริง ว่างเปล่าจากการเป็นตัวตนอิสระ
  • ว่างเปล่าในแง่นี้หมายถึงกระดาษแผ่นนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยทุกสิ่ง และทุกสิ่งก็เต็มเปี่ยมได้ด้วยอยู่ในกระดาษ

ในภาพอาจจะมี 3 คน, สถานที่กลางแจ้ง
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังยืน, ฝูงชน และ สถานที่กลางแจ้ง
ในภาพอาจจะมี 6 คน, สถานที่กลางแจ้ง
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, เด็ก และ สถานที่กลางแจ้ง
คนเรา บริสุทธ์ด้วยปัญญา
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ต้นไม้ และ สถานที่กลางแจ้ง
ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง, เด็ก และ สถานที่กลางแจ้ง
รักผู้อื่น ก็คือรักตนเอง
ทำร้ายคนอื่นก็คือทำร้ายตนเอง
ช่วยผู้อื่น ก็คือ...."ช่วยตนเอง"

อาม่า#พระเชนเรซิก#
ในภาพอาจจะมี 1 คน, สถานที่กลางแจ้ง
คำว่า
"สัมมาสัมโพธิญาน" 
เป็นนามสมมุติใช้เรียกภาวะการเห็นแจ้งว่า

"ไม่มี ธรรม ใดเลย ที่ไม่เป็นโมฆะ"


สิ่งมีชีวิต และ สิ่งไม่มีชีวิตในจักรวาล เป็นเพียง รูปและ นาม

ที่ใดมีรูป ที่นั้นย่อมมีนาม 
ที่ใดมีนาม ที่นั่นย่อมมีรูป

เมื่อรวมกันก็เป็นเหตุให้เกิดปฏิกิริยา 

เปลี่ยนแปลง หมุนเวียน รอบตัวเองตามเหตุปัจจัย

นั่นเป็นที่มาของกฎไตรลักษณ์ 

เกิดขึ้น..ตั้งอยู่...ดับไป เสมอตามธรรมชาติ

ถ้าเมื่อใด..ที่เราเข้าใจว่า
ผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำคือสิ่งเดียวกัน

ความยึดมั่นในรูปธรรม.....นามธรรมก็สลาย

ทุกสรรพสิ่งก็จะเป็น..เพียงมายาที่จิตขีดเขียนขึ้นมาทั้งสิ้น

เราคือท่าน....ท่านคือเรา
ตั้งแต่จักรวาล ดวงดาว ภูเขา ตลอดจนมาถึงเม็ดฝุ่น

ไม่มีสิ่งใดที่นอกเหนือไปจาก.....จิต

การยึดมั่นถือมั่น....ย่อมไม่ใช่"พุทธะ".

วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เมื่อพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แสดงพุทธานุภาพให้ลูกหลานกลุ่มโพธิญานขนรื้อภพภูมิใหญ่ ณ หมู่เกาะทะเลใต้

ในภาพอาจจะมี 1 คน, สถานที่กลางแจ้ง
เมื่อพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แสดงพุทธานุภาพให้ลูกหลานกลุ่มโพธิญานขนรื้อภพภูมิใหญ่ ณ หมู่เกาะทะเลใต้


  • เมื่อพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แสดงพุทธานุภาพให้ลูกหลานกลุ่มโพธิญานขนรื้อภพภูมิใหญ่ ณ หมู่เกาะทะเลใต้
ในภาพอาจจะมี 1 คน, สถานที่กลางแจ้ง
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, มหาสมุทร, ท้องฟ้า, เมฆ, ชายหาด, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ
ลูกๆนั่งแผ่เมตตา ดู ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่อัศจรรย์ หลังจากขนรื้อภพภูมิ
ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ

ในภาพอาจจะมี เมฆ, มหาสมุทร, ท้องฟ้า, สถานที่กลางแจ้ง, น้ำ และ ธรรมชาติ

ในภาพอาจจะมี เมฆ, ท้องฟ้า, มหาสมุทร, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ
ปาฏิหาริย์พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์แห่งทะเลใต้ นำมอกวงซีอิมผ่อสัก

  • สาธุการ กับลูกๆที่ร่วมทริปเดินทาง ได้สักการะและร่วมห่มผ้าพระบรมสารีริกธาตุไชยา ซึ่งมีอายุยาวนานกว่าพันปี(อาณาจักรศรีวิชัย)

ขออนุโมทนาในกุศลใหญ่ครั้งนี้ค่ะ
อาม่า#พระเชนเรซิก#

ในภาพอาจจะมี ท้องฟ้า และ สถานที่กลางแจ้ง

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน และ สถานที่กลางแจ้ง
ดีใจ กับโอกาสและวาระ อันยิ่งใหญ่นี้ค่ะ ลูก

ในภาพอาจจะมี สถานที่กลางแจ้ง

ในภาพอาจจะมี 2 คน, สถานที่กลางแจ้ง
























วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ภาวะโพธิสัตว์

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน และ หมวก
เสื้อมังกร พระอวโลค่ะ
ใส่ได้แต่งานโปรด ใส่เล่นไม่ได้

ตั้งแต่เดินทางมา อาม่ายังไม่ได้หยุดภารกิจฉุดช่วยเวไนยเลย แม้แต่วันเดียว
ทั้งๆที่เย็นนี้จะต้องเดินทางไกล และทำภารกิจโปรดภพภูมิใหญ่ แต่อาม่าก็มิได้งด ยังออกโปรด ด้วยมหาปนิธานและเมตตา
แล้วมหาปนิธานมาจากไหนเล่า?
ก็มาจากการเคยเกิดเป็นมนุษย์ในกาลก่อน ออกบวชได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
แล้วศรัทธาเลื่อมใส ในพุทธิจริยา และปฏิปทาแห่งพระพุทธองค์
จึงตั้งปนิธานด้วยจิตกรุณาอย่างขีดสุดต่อหน้าพระพุทธองค์ ประสงค์ต้องการช่วยสรรพสัตว์ให้หลุดพ้น
***และคำอธิษฐานนั้น ผ่านการรับรู้ เข้าสู่จิตพระพุทธองค์ทั้งสิ้น****
เมื่อพุทธจิตอันเข้มแข็งผสานกับมหาปนิธานอันแรงกล้า และการบำเพ็ญสืบต่อปนิธานยาวนานต่อเนื่อง
***ภาวะทิพย์จะปรากฎรองรับพุทธิปัญญาและมหากรุณา ****
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาๆของกฎเหตุและผล
เมื่อจิตของบุคคลสั่งสมบารมีด้วยการทำความดี และอธิษฐานจิตเพื่อผู้อื่นตลอดเวลา การดำเนินชีวิตอันยาวนานในสังสารวัฏด้วยอุดมการณ์แห่งพระโพธิสัตว์
พลังนั้น...ย่อมบริสุทธิ์
ความบริสุทธิ์ จะสะท้อนออกมาเป็นพระคุณทั้งสาม คือ
มหาปัญญา มหากรุณา และมหาอุปายะ(อุบายธรรม)
พระคุณเหล่านี้ เมื่อปรากฎในดวงจิตใด ก็จะเป็นแสงสว่างช่วงโชติหล่อเลี้ยงสังสารวัฎ
พลังแห่งความกรุณานั้น ใครจะคิดเล่าว่าจะมีอานุภาพมากมายหล่อหลอมเป็น"พละบารมี"
คือบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ อานุภาพ
แล้วยังสะท้อนออกมาเสริมทศบารมีอื่นๆที่บำเพ็ญอีกด้วย เพื่อประโยชน์ต่อเวไนยสัตว์ตามจริต
จิตที่ตั้งเจตจำนงค์โพธิสัตว์ นั้นล้วนมุ่งมั่นให้เวไนยตระหนักรู้ในตนเอง
แทงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง อธิบายธรรมะให้เป็นเรื่องจิตและกระบวนการการทำงานของจิตทั้งสิ้น
สมมุติและปรมัตถ์ของพระโพธิสัตว์จึงมิได้แยกจากกัน ด้วยการเข้าใจบ่มเพาะธรรมอิงอาศัยมานานแสนนาน
ภาวะโพธิสัตว์จึงข้ามผ่านตัวตน
ศักยภาพ ความสามารถทางจิตจึงเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ให้ค่าได้แค่อุปายะไม่ตื่นเต้นกับ ญาน ฌาน ปาฎิหารย์ใดๆ
แต่....หยิบยกมาใช้ได้ ตามจริตสัตว์
ให้ค่าได้แค่ความจริงของธรรมชาติ ที่เป็นธรรมโดยธรรม ด้วยการมองโลกด้วยพุทธิจริต คือ"ตถตา"เท่านั้น
#อาม่า...พระเชนเรซิก#
ในภาพอาจจะมี 3 คน, ผู้คนกำลังนั่ง

ในภาพอาจจะมี 3 คน, ผู้คนกำลังนั่ง

ในภาพอาจจะมี 15 คน, คนที่ยิ้ม, ผู้คนกำลังนั่ง และ ผู้คนกำลังกิน
ในภาพอาจจะมี 14 คน, ผู้คนกำลังนั่ง
ในภาพอาจจะมี 6 คน, ผู้คนกำลังนั่ง, ผู้คนกำลังกิน และ ตาราง

ในภาพอาจจะมี 6 คน, ผู้คนกำลังนั่ง







เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์