วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ 1‬ ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน



ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน
ผู้รับสาส์นจากต่างมิติ: Mr. Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่:บนเรือแถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก
-----------------------------------------------------------
  • สวัสดีผู้เป็นที่รักทั้งหลายเราคือครายออนแห่งหน่วยบริการแม่เหล็ก (Magnetic Service)ตอนนี้เรากำลังทำให้ผู้ช่วยงานของเรา(นายLee)ได้เห็นภาพที่เราอยากให้เขาเห็นอยู่ซึ่งมันก็ทำให้เขาประหม่าเมื่อพวกเรากำลังจะกล่าวถึงประเด็นนี้ซึ่งเป็นข้อมูลใหม่ๆแบบนี้เราจึงได้ทำให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของความถูกต้องของข้อมูลว่ามันมีความสำคัญมากเพียงใดผ่านทางพลังงานของเรา
  • โอกาสนี้เป็นโอกาสพิเศษเพราะว่าพวกคุณกำลังล่องเรือข้ามมหาสมุทรอยู่พวกคุณกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางกำลังล่องลอยอยู่เหนือพื้นโลกซึ่งนี่ก็ทำให้พวกคุณสามารถตัดขาดจากพลังงานที่พวกคุณเชื่อมต่ออยู่ตามปกติได้อีกวิธีหนึ่ง
  • และเพราะว่าการตัดขาดดังกล่าวนี้เองจึงทำให้การรับรู้ของพวกคุณเป็นไปได้ดีกว่าปกติและมีประสิทธิภาพมากกว่าปกติทั้งผู้ส่งสาส์นและผู้รับสาส์นเพราะฉะนั้นเวลาแบบนี้แหละที่พวกเราอยากจะให้ข้อมูลใหม่ๆแก่พวกคุณข้อมูลที่ไม่เคยให้มาก่อน
  • ในช่วงเวลานี้และในช่วงเวลาถัดไปเราอยากจะเล่าถึงประวัติศาสตร์ของโลกให้พวกคุณฟังนับตั้งแต่เริ่มมีมนุษยชาติเราจะเล่าความเป็นมาไปทีละลำดับ
  • พวกเราได้เคยพูดถึงบางส่วนของเรื่องนี้ไปบ้างแล้วตั้งแต่หลายปีก่อนแต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเราจะปะติดปะต่อพวกมันเข้าด้วยกันเป็นบทสรุปเช่นนี้
  • นอกจากนี้พวกเรายังจะให้ข้อมูลด้านปรจิตวิทยา(metaphysic)เพิ่มเติมกับคุณอีกด้วย
  • แผนงานเบื้องต้น(ของจักรวาล–ผู้แปล)สำหรับดาวเคราะห์โลกใบนี้มันอยู่ในสัญชาตญาณและอยู่ภายในพวกคุณทุกๆคนอยู่แล้วพวกเราได้สอนเรื่องนี้กับพวกคุณมานานร่วม19ปีแล้ว
  • แต่อย่างไรก็ตามพวกเรายังไม่เคยเปิดเผยถึงความยาวนานของการเดินทางของพวกคุณบนดาวเคราะห์โลกใบนี้ให้พวกคุณได้รู้มาก่อนเลยว่า
  • *เริ่มมีมนุษย์โลกเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว? 
  • *อะไรคือแผนการ (ของจักรวาล – ผู้แปล) ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับมนุษย์โลก? 
  • *ตอนนี้พวกคุณกำลังอยู่ในช่วงเวลาไหน (ของแผนการนั้น – ผู้แปล)? 
  • *แล้วมัน (แผนการนั้น – ผู้แปล) เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร? 
  • *แล้วมันถูกปรับปรุงแก้ไขไปแล้วอย่างไรบ้าง? 
  • *อะไรคือทางเลือกอิสระของมนุษย์โลก ที่เป็นตัวเปลี่ยนประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นไป?
  • เราจะสาธยายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ให้ฟัง
  • มนุษย์โลกที่รักทั้งหลายแม้ว่าเรื่องนี้มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องประวัติศาสตร์และเรื่องทางธรณีวิทยาทั่วๆไปแต่ทวยเทพทั้งหลายที่กำลังนั่งอยู่กับพวกคุณในห้องนี้กำลังจะบอกข่าวใหม่ข่าวใหญ่กับพวกคุณว่าแท้ที่จริงแล้วพวกคุณเป็นใครแต่ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลยบางทีคุณก็อาจจะนั่งกระดิกเท้าเล่นเฉยๆก็ได้
  • บางทีนั่นอาจจะดีสำหรับคุณก็ได้พวกเรากำลังพูดด้วยภาษาที่3กับพวกคุณอยู่ไม่ว่าภาษาในมิติที่3ที่กำลังสื่อสารอยู่ในมิติที่3นี้จะเป็นภาษาอะไรก็ตาม(สเปนและอังกฤษ)พวกเราก็จะเรียกภาษาที่ใช้ในการสื่อสารนี้ว่า“ภาษาที่3”เพราะว่าหมายเลข3คือหมายเลขแห่งการกระตุ้นยังมีสิ่งอื่นๆที่กำลังถูกส่งผ่านไปพร้อมกับภาษาของมิติที่3นี้ด้วยและพวกมันก็จะเข้าไปยังหัวใจของพวกคุณพวกมันจะเข้าไปในโครงสร้างระดับเซลของพวกคุณเมื่อพวกคุณนั่งอยู่ท่ามกลางพลังงานนี้บางสิ่งบางอย่างในตัวพวกคุณอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปถ้าพวกคุณยินยอมให้พวกมันเป็นไป

Cr. ผู้แปล Chayutt

ตอนที่ 2‬:ประวัติของมนุษยชาติบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้



ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน
‪#‎ตอนที่2‬:ประวัติของมนุษยชาติบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
ผู้รับสาส์นจากต่างมิติ: Mr. Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่:บนเรือแถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก
-----------------------------------------------------------
  • ดาวเคราะห์โลกใบนี้มีความเก่าแก่เป็นอย่างมากแต่ว่ามนุษย์ไม่ใช่มันเคยมีการวิวัฒน์ทางด้านชีวภาพที่ยาวนานมากๆมาก่อนซึ่งหลายคนเรียกมันว่า“วิวัฒนาการ”จริงๆแล้วสิ่งมีชีวิตทางชีวภาพของโลกได้มีการวิวัฒนาไปตามเส้นทางอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระผู้เป็นเจ้าได้เลือกเอาไว้ให้นั่นเอง
  • ซึ่งเรื่องนี้(เรื่องการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยพระผู้เป็นเจ้า–ผู้แปล)มันไม่ได้ขัดแย้งกับเรื่องอื่นๆเลยเพียงแต่ความคิดที่มีข้อจำกัดของมนุษย์เองต่างหากหละที่ต้องการให้มันเป็นไปในแบบอื่นที่ไม่ใช่แบบนี้
  • เราขอนำพวกคุณกลับมาสู่ช่วงเวลา“ระยะสั้นๆก่อนหน้านี้”อีกครั้งหนึ่งมันเป็นช่วงเวลาระยะสั้นๆในสายตาของเราและในสายตาของก้อนหินเราขอวาดภาพดาวเคราะห์โลก ให้พวกคุณดูสักหน่อยก่อน เรากำลังให้ผู้ช่วยงานของเราได้เห็นสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงต่างๆมากมายซึ่งมันอาจจะมีการหยุดชะงักของการสื่อสารสักพักหนึ่งในระหว่างนี้ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้สิ่งที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้ถูกถ่ายทอดให้คนนับพันๆฟังได้อย่างถูกต้องและสามารถมองเห็นภาพตามไปด้วยได้
  • เมื่อประมาณ 100,000 ปีก่อนหน้าโน้น มันคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่พวกคุณอาจจะเรียกมันว่า “มนุษย์ผู้รู้แจ้งแล้ว” 
  • (Enlightened Human Being) มันคือช่วงเวลาแค่ 100,000 ปีเท่านั้นเอง 
  • โอ..แต่ว่าก่อนหน้านั้นเป็นเวลายาวนานมากมันก็มี"สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์"ที่กำลังวิวัฒนาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วนะแต่ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นยังไม่มีสิ่งที่พวกคุณอาจจะเรียกว่าอุปกรณ์เสริมด้านจิตวิญญาณอยู่ในDNAมาก่อนเลยพวกสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์เหล่านั้นมีแค่ร่างกายเนื้อทางชีวภาพเท่านั้นเอง
  • อายุของเผ่าพันธุ์มนุษย์ตามที่นักมานุษยวิทยาของพวกคุณจะบอกพวกคุณอาจจะมีหลายเวอร์ชั่นเพราะว่าพวกเขาอนุมานเอาจากอายุของโครงกระดูกต่างๆที่พวกเขาขุดขึ้นมาได้ซึ่งแท้ที่จริงแล้วโครงกระดูกเหล่านั้นเป็นเพียงโครงกระดูกของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่มีแต่กายเนื้อทางชีวภาพและกำลังวิวัฒน์อยู่เท่านั้นเองยังไม่ใช่รูปแบบของมนุษย์ในทุกวันนี้ที่มีส่วนของทวยเทพและยีนส์ของมนุษย์ชาวกลุ่มดาวลูกไก่อยู่ (Pleiadians) ์รวมกันอยู่ในของร่างกายแล้วแต่อย่างใดเลย
  • ในช่วงเวลานั้นมันมี"สิ่งมีชีวิตทางชีวภาพ"ที่มีวิวัฒนาการมากแล้วอยู่ในโลกตอนนั้นมันมีเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ถึง20สายพันธุ์ในโลกนี้ซึ่งนักมานุษยวิทยาของพวกคุณก็ได้จำแนกเอาไว้มากมายหลายกลุ่มทำนองเดียวกันนี้เหมือนกัน
  • พวกคุณรู้ไหมว่ามนุษย์แต่ละสายพันธุ์ที่ว่านี้มีความแตกต่างกันอย่างมากบางสายพันธุ์ก็มีรูปร่างของศีรษะแตกต่างกันไปบางสายพันธุ์ก็มีหางด้วยซ้ำไปแต่มนุษย์ทั้ง20สายพันธุ์นี้ก็อาศัยอยู่ด้วยกัน
  • นี่คือข้อเท็จจริงปกติธรรมดาของการวิวัฒนาการบนดาวเคราะห์โลกใบนี้ซึ่งถ้าพวกคุณมองดูที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลายแล้วพวกคุณก็จะเห็นว่าพวกมันก็มีหลายสายพันธุ์ด้วยเช่นกันเพราะนี่คือวิถีแห่งความเป็นไปของธรรมชาติและมันก็เป็นไปด้วยดีแม้ว่าจะเมื่อ100,000ปีก่อนโน้นก็ตาม
  • มนุษย์ทั้ง20สายพันธุ์นี้มีการวิวัฒน์อยู่ในหลายๆพื้นที่บนโลกซึ่งในบางพื้นที่บางสายพันธุ์ก็มีวิวัฒนาการเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆซึ่งเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาของพวกคุณรู้จักกันดี ว่ามีสายพันธุ์ไหนบ้าง
  • แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงที่เดียวในโลกใบนี้หรอกนะมันเกิดขึ้นทั้งในยุโรปตะวันตก,ตะวันออกกลางและในสถานที่ๆไม่ธรรมดาอีกที่หนึ่งนั่นก็คือใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิก!เดี๋ยวเราจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังทีหลังอีกสักครู่
  • ระบบวิวัฒนาการได้ค่อยๆสร้างมนุษย์ขึ้นมาหลายๆสายพันธุ์เหมือนๆกับที่ธรรมชาติทำกับทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ
  • จากนั้นดาวเคราะห์โลกใบนี้ก็ถูกแตะต้องด้วยความตั้งใจนั่นก็คือการออกแบบอันศักดิ์สิทธิ์
  • ด้วยการออกแบบอันศักดิ์สิทธิ์ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ได้เคยถูกเยี่ยมเยือนโดยรูปธรรมชีวิตที่รู้แจ้งแล้วมาก่อนแต่พวกเขาไม่ใช่พวกเทพพวกเขามาในรูปแบบของควอนตัม (กายทิพย์ ?– ผู้แปล)
  • มันยากที่จะอธิบายว่ารูปธรรมชีวิตเหล่านั้นเป็นอย่างไรและมาเยือนโลกได้ด้วยวิธีใดแต่พวกเขาก็ได้มาแล้ว
  • แต่ฟังนะว่าในจักรวาลแห่งนี้คับคั่งไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมายซึ่งบางชนิดก็กำลังอยู่ในบทเรียนเหมือนกับพวกคุณนี่แหละ แต่บางพวกก็ไม่ใช่
  • และมันก็มีสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบทางชีวภาพคล้ายๆพวกคุณนี่แหละอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์มากมายดาวเคราะห์เหล่านั้นก็มีสภาพบรรยากาศคล้ายๆกับดาวเคราะห์โลกของพวกคุณนี่แหละ
  • แต่พวกเขาไม่มีการทำสงครามกันพวกเขาดำรงอยู่ในสภาวะควอนตัมและพวกเขาก็มีข้อตกลงในการอยู่ที่นั่นด้วยสังคมของพวกเขามีอายุยาวนานกว่าโลกสองเท่ามนุษย์และกลุ่มของผู้รู้แจ้งแล้วเหล่านั้นดำรงอยู่มาตั้งแต่ครั้งกระโน้นและทุกวันนี้พวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นั่น
  • ดาวเคราะห์ดวงนั้นอยู่ห่างจากโลกหลายปีแสงแต่พวกเขาสามารถเดินทางมาเยือนพวกคุณได้อย่างง่ายดาย
  • พวกเขาเดินทางมาที่นี่เพื่อมาเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ลงในDNAของพวกคุณ
  • พวกเขาเดินทางมาโดยได้รับอนุญาตตามแผนที่ได้วางเอาไว้แล้วและด้วยความยินยอมของทวยเทพทั้งมวลในจักรวาลนี้
  • พวกเขาไม่ได้มาเพราะความบังเอิญและมันก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการยึดครองโลกด้วยแต่ว่ามันเป็นภารกิจแห่งความรักของพวกเขา

Cr. ผู้แปล Chayutt

ตอนที่3‬:เรากำลังพูดถึงชาวกลุ่มดาวลูกไก่อยู่



ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน
‪#‎ตอนที่3‬:เรากำลังพูดถึงชาวกลุ่มดาวลูกไก่อยู่ (Pleiadians)
ซึ่งมีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
ผู้รับสาส์นจากต่างมิติ: Mr. Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่:บนเรือแถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก
-----------------------------------------------------------
  • เมื่อใดที่พวกคุณพูดถึงพวกเขาว่าการที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเดินทางมายังดาวเคราะห์ดวงหนึ่งๆอาจจะมีคนพูดว่า“มันเป็นการไม่สมควรมันจะต้องมีเจตนาร้ายแน่ๆมันจะต้องผิดแน่ๆ”แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยมีข้อมูลที่ไม่จริงมากมายที่กล่าวถึงชาวกลุ่มดาวลูกไก่
  • เราอยากจะบอกพวกคุณว่าถ้าพวกคุณสามารถมองเห็นพวกเขาได้พวกคุณก็จะรู้ว่า พวกเขาเหมือนพวกคุณมากๆ!
  • แล้วสักวันหนึ่งเมื่อพวกคุณมีพัฒนาการไปถึงระดับที่เหมาะสมแล้วพวกเขาก็จะมาพบพวกคุณพวกเขาจะเรียกพวกคุณว่า“พี่น้อง”
  • และถ้าหากว่าพวกคุณนำเอาตัวอย่างเซลในร่างกายของพวกเขาไปตรวจสอบพวกคุณก็จะพบว่ามันเหมือนกับเซลของร่างกายของพวกคุณเองเป็นอย่างมากเพราะว่าพวกเขาก็มีเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้แจ้งอยู่ในมนุษย์โลกเผ่าพันธุ์นี้ด้วยและพวกเขาก็มีภูมิปัญญาและความรักให้กับโลกใบนี้ด้วย
  • เพราะว่าพวกคุณคือเมล็ดพันธุ์ของพวกเขาสิ่งที่พวกเขามอบไว้ให้แก่โลกใบนี้มันยากที่จะอธิบายให้พวกคุณซึ่งอยู่ในมิติที่3นี้เข้าใจได้เพราะว่าพวกเขาใช้คุณสมบัติของความเป็นควอนตัม(กายทิพย์ – ผู้แปล)ของพวกเขากับทุกสิ่งทุกอย่าง 
  • พวกเขาทำให้มนุษย์บนโลกใบนี้มีชั้นของ DNA เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ชั้น
  • และมันก็เกิดขึ้นทั้งหมดภายในคราวเดียวกันกับเฉพาะมนุษย์โลกสายพันธุ์เดียวในจำนวน20สายพันธุ์นี้เท่านั้นนั่นคือสายพันธุ์ของพวกคุณนั่นเองเพราะว่าในตอนนั้นมีเพียงสายพันธุ์เดียวที่พร้อมจะรับของขวัญชิ้นนี้ได้
  • ลองถามนักมานุษยวิทยาของพวกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูสิโอ..แต่อย่าถามพวกเขาเกี่ยวกับชาวกลุ่มดาวลูกไก่นะ!แต่ให้ถามพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์เมื่อ 100,000 ปีที่แล้ว
  • พวกเขาก็จะบอกคุณว่ามีบางสิ่งที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นเพราะว่ามันเหลือมนุษย์เพียงสายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่ยังรอดอยู่บนโลกใบนี้
  • แล้วสายพันธุ์อื่นๆอีก 19 สายพันธุ์หละ?
  • พวกเขาได้ค่อยๆตายลงไปเพราะไม่สามารถแข่งขันกับสายพันธุ์ที่มีDNAใหม่นี้ได้
  • นี่เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับกฎธรรมชาติและควรจะทำให้ผู้ที่เชื่อเรื่อง“การคัดเลือกโดยธรรมชาติ”ฉุกคิดขึ้นมาได้บ้างมันเป็นอะไรที่น่าสนในนะและมันสามารถพิสูจน์สิ่งที่เราบอกกับพวกคุณอยู่นี้ได้
  • เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวแห่ง"การสร้างโลก"ของศาสตร์ลี้ลับทั้งหลายที่อยู่บนโลกใบนี้เพราะว่ามันเกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็วมากและเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้เองด้วยมันจึงทำให้รู้สึกว่าทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นแบบทันทีทันใดโดยปราศจากวิวัฒนาการใดๆที่จะนำพามันมาสู่จุดนี้มาก่อนเลย
  • ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่จะมีใครหลายๆคนคิดว่ามันไม่มีวิวัฒนาการใดๆเกิดขึ้นเลยแต่เป็นพระผู้เป็นเจ้าต่างหากที่สร้างมนุษย์ขึ้น แบบทันทีทันใด
  • พวกคุณเห็นไหมว่ามันมีเงื่อนงำของความเป็นจริงแฝงอยู่ในทุกๆเรื่องนั่นแหละแต่พวกมันก็มักจะถูกนำมาใส่ไว้ในกล่อง3 มิติ เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายเท่านั้นเอง
  • เรื่องของสวนสวยงาม,การล่อใจ(A beautiful garden, temptation) 
  • ก็สื่อถึงความดีและความชั่วและจริงๆแล้วในมุมมองของปรจิตวิทยา(metaphysic)นี่คือสิ่งที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
  • เมื่อมีมนุษย์โลกกลุ่มหนึ่งได้รับDNAแห่งการตระหนักรู้แบบใหม่เพิ่มขึ้นอีก2ชั้นเพราะหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มแสดงออกถึงความเป็นทวิภาวะในทันทีซึ่งเป็นกระบวนการแห่งการตระหนักรู้ของแสงสว่างและความมืด
  • DNAที่เพิ่มขึ้นมาใหม่อีก2ชั้นนี้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ทดสอบโลกใบนี้ซึ่งจะกลายมาเป็น“ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีเพียงดวงเดียว”ในเวลานั้น
  • หนึ่งในสองชั้นของDNAที่ว่านี้มี“บันทึกแห่งฟ้า”(Akashic..Record)บรรจุอยู่ซึ่งมันจะบันทึกข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณของทวยเทพทั้งหลาย 
  • ที่จะลงมาเกิดในร่างมนุษย์นี้หรือที่จะละจากร่างมนุษย์นี้ไปไว้ทั้งหมด
  • ตอนนั้นมนุษย์โลกได้กลายเป็นผู้ที่มีความตระหนักรู้ด้านจิตวิญญาณไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้เป็นในทันทีทันใดก็ตามแต่ค่อยๆกลายเป็นไปอย่างช้าๆช้ามากๆกินเวลายาวนานถึง 50,000 ปีก็ตาม
  • เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเหล่าทวยเทพก็พากันหลั่งไหลลงมาเกิดบนโลกมนุษย์โดยใช้ร่างของมนุษย์เป็นยานพาหนะเพื่อทำการทดลองกับดาวเคราะห์โลกที่ว่านี้นับตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มมีมนุษย์โลกสายพันธุ์ที่พวกคุณเห็นอยู่นี้ เกิดขึ้นบนโลก
  • นั่นหมายความว่ามนุษย์โลกสายพันธุ์ที่ทรงภูมิปัญญาเริ่มเกิดขึ้นมาจริงๆบนโลกใบนี้เพียงแค่50,000ปีก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง แน่นอนว่ามันใหม่มากๆ!

Cr. ผู้แปล Chayutt

ตอนที่ 4‬ อาณาจักร MU




ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน
‪#‎ตอนที่4‬ อาณาจักร MU
ผู้รับสาส์นจากต่างมิติ: Mr. Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่:บนเรือแถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก
-----------------------------------------------------------

  • หลังจากนั้นโลกนี้ก็เปลี่ยนไป ดังนั้นเราจึงอยากจะนำพวกคุณกลับไปที่เมื่อ 40,000 ปีก่อนหน้านี้มันมีอารยธรรมหนึ่งเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ และมันก็ใช้เวลาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างๆจริงๆ กว่า 5,000 ปี
  • มันคืออารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกมันไม่ได้ยิ่งใหญ่ในแง่ของจำนวนประชากรแต่ยิ่งใหญ่ในแง่ของ "ระดับจิตสำนึก" มันไม่ใช่อะไรที่พวกคุณจะสามารถเทียบติดได้เลยเพราะว่ามันเป็นหนึ่งในอารยธรรมตั้งต้นของมนุษยชาติ มันคืออาณาจักร “เลมูเรีย”

  • เรายังไม่เคยบอกว่ามันมีอายุยาวนานแค่ไหนเราก็เลยจะบอกซะเลยตอนนี้ว่าคุณจะว่ายังไงถ้ามีอารยธรรมไหนยืนยงอยู่ได้ยาวนานถึง 20,000 ปี? และพวกเขาก็อยู่กันอย่างสันติซะด้วย
  • มันอาจจะฟังดูพิลึกๆ อยู่ใช่ไหม แต่สิ่งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นบนโลก เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกคุณรู้และเทียบกับประวัติศาสตร์ที่พวกคุณบันทึกเอาไว้ มันไม่มีสิ่งใดที่จะใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลย
  • นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณอาจจะบอกว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสังคมไหนอยู่ได้นานขนาดนั้น”
  • จริงๆ แล้วมันก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้หรอก แต่ว่านี่แหละมนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย นี่แหละคือความตั้งใจหละ ความตั้งใจที่จะไม่ให้มันเหลืออะไรเอาไว้ให้เห็นเป็นหลักฐานยังไงหละ และดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็ทำได้ดีมากซะด้วย ที่สามารถลบร่องรอยของหลักฐานการมีอยู่ของอารยธรรมมนุษย์ออกไปได้อย่างหมดจดเช่นนี้
  • ลองหันกลับมาดูสิ่งที่พวกคุณกำลังเรียนรู้กันอยู่ในขณะนี้สิ พวกคุณจะไม่พบหลักฐานอะไรที่มีอายุยืนยาวไปกว่า 4,000 ปีเลย เพราะว่าพวกมันได้ถูกกระแสน้ำพัดพาไปจนหมดแล้ว หรือเน่าเปื่อยผุพังไปจนหมดแล้ว หรือไม่ก็ถูกฝังอยู่ใต้ดิน หรือไม่ก็ถูกคลื่นซัดและหายไปตลอดกาลแล้ว
  • และเพื่อที่จะทำให้กระบวนการลบล้างนี้ เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในครั้งกระโน้นอารยธรรมนั้นจึงตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เคยอยู่ "กลางมหาสมุทรแปซิฟิก" แต่ตอนนี้ไม่มีแผ่นดินนั้นอยู่อีกต่อไปแล้ว
  • ถ้าพูดถึงช่วงเวลาอารยธรรมเลมูเรีย เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 50,000 ปีที่แล้ว และใช้เวลาประมาณ 10,000 ปีในการรวบรวมกันขึ้นเป็นชุมชน และใช้เวลาอีก 5,000 ปีในการรวมกันขึ้นเป็นสังคมที่มีศูนย์กลางการปกครองเดียว
  • อารยธรรมของชาวเลมูเรีย เจริญรุ่งเรืองสุดขีดในช่วง 35,000–15,000 ปีที่แล้ว แต่จงจำไว้ว่าสิ่งต่างๆในสมัยนั้นจะมีอายุยืนยาวมากๆ และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดำเนินไปอย่างช้าๆ สิ่งที่พวกคุณสามารถทำได้ภายในระยะเวลา 1 ปี ในสมัยนั้นพวกเขาอาจจะใช้เวลาทำถึงหลายร้อยปีก็ได้
  • เรื่องของภาษาก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง เพราะว่าการสื่อสารยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขาอยู่ รวมถึงเรื่องการเดินทางก็เป็นไปด้วยความล่าช้ามากๆ และการปกครองโดยผู้มีอำนาจสูงสุด ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย 
  • ทุกวันนี้พวกคุณอาจจะจัดประชุมกันได้วันละสองครั้ง แต่ในสมัยนั้นพวกเขาอาจจะจัดได้แค่ปีละสองครั้งเท่านั้น แต่ปกติจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
  • พวกเขาจะรับรู้เกี่ยวกับกาลเวลา แตกต่างไปจากพวกคุณมาก เพราะว่าพวกเขาดำรงอยู่ภายในการตระหนักรู้แบบควอนตัม (อยู่แบบในรูปพลังงาน–ผู้แปล) ซึ่งเป็นสภาวะที่เกือบจะไร้กาลเวลาเลยทีเดียว
  • เราขอกลับไปที่อารยธรรมเลมูเรียอีกครั้งหนึ่ง เราจะขอบรรยายลักษณะของโลกในยุคนั้นให้พวกคุณฟังซะก่อน เพราะว่ามันเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากยุคนี้มาก
  • หลายคนอาจจะหัวเราะเยาะ และเยาะเย้ยถากถางหรือตลกขบขันกับคำกล่าวนี้ก็ได้ 
  • มหาสมุทรแปซิฟิกนั้นกว้างใหญ่มาก “มันไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลยที่มันจะไม่มีน้ำอยู่นอกจากจะเป็นเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว”
  • ไม่จริงเลย เราไม่ได้บอกว่าทั้งหมดของมัน แต่เราบอกว่าเพียงบางส่วนของมัน เฉพาะส่วนที่อาณาจักรเลมูเรียตั้งอยู่เท่านั้น เดี๋ยวเราจะวาดภาพให้พวกคุณดู
  • ดาวเคราะห์โลกเคยหมุนรอบตัวเองด้วยแกนที่เอียง 28 องศา นั่นคือเมื่อก่อนโน้นไม่ใช่ในตอนนี้ยิ่งกว่านั้นสภาพทางธรณีวิทยาของดาวเคราะห์โลกเมื่อ 40,000 ปีก่อนก็แตกต่างไปจากปัจจุบันนี้เป็นอย่างมากด้วย
  • พวกคุณเคยอยู่ในช่วงปลายของยุคน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาก่อนและพวกคุณก็เคยประสบกับมันมาก่อนแล้วอุณหภูมิของดาวเคราะห์โลกใบนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในที่มีอยู่ในโลกว่ามากน้อยแค่ไหนวัฏจักรน้ำบนโลกเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของโลกและกระแสลมสิ่งที่เรากำลังจะบอกก็คือความแตกต่างกันอย่างมหาศาลของโลกในยุคนั้นกับในยุคนี้
  • ในยุคนั้น1ใน3ของน้ำที่มีอยู่บนโลกคือน้ำแข็งนั่นจึงทำให้มหาสมุทรในยุคนั้นมีความแตกต่างกับในยุคนี้ที่พวกคุณรู้จักเป็นอย่างมาก
  • เราขอนำพวกคุณกลับไปที่อาณาจักรเลมูเรียอีกครั้งหนึ่งโลกในยุคนั้นหนาวเย็นกว่าในยุคนี้เป็นอย่างมากพวกคุณบางคนอาจจะพอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งมีชีวิตบนโลกถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกลดต่ำลงไปแค่ครึ่งองศาเท่านั้นนั่นก็สามารถทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญได้แล้ว
  • ตอนนี้เราอยากจะบอกพวกคุณว่าลองจินตนาการดูเอาเองเถิดว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในยุคนั้นต่ำกว่าในตอนนี้ 8 องศาเซลเซียสมันจะทำให้เกิดความแตกต่างกันของบรรยากาศ และของระดับน้ำทะเลมากแค่ไหน
  • ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยในมหาสมุทรในตอนนั้นต่ำกว่าในตอนนี้ถึง 133 เมตรหรือประมาณ 400 ฟุตพวกคุณพอจะนึกภาพออกไหมว่าทวีปต่างๆของพวกคุณน่าจะมีหน้าตาอย่างไรถ้าผืนแผ่นดินอยู่ต่ำกว่าทุกวันนี้อีก 400 ฟุตส่วนของภูเขาที่จมอยู่ใต้น้ำในตอนนี้ก็จะโผล่ขึ้นมามันจะแตกต่างไปอย่างมาก ใช่ไหม?
  • อาณาจักรเลมูเรียเคยยืนยงอยู่ได้นานถึง 20,000 ปีรอบๆฐานของเกาะที่พวกคุณเรียกกันว่า“เกาะฮาวาย” ซึ่งมันเคยเป็นและยังเป็นภูเขาที่มีความสูงมากที่สุดในโลกถ้าวัดจากฐานของมันชาวเลมูเรียพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในแอ่งในหุบเขาที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลและรอบๆอาณาจักรของพวกเขาก็โอบล้อมไปด้วยน้ำแต่ว่าทะเลหลักๆทั้งหลายก็ถูกกั้นไว้ด้วยแนวเขาสูงต่างๆมากมายที่ทุกวันนี้ไม่สูงอีกต่อไปแล้วแต่ว่าแนวเขาเหล่านั้น
  • ก็ตั้งอยู่บนแนวรอยต่อของเปลือกโลกและนี่แหละคือการตระเตรียมการคือสถานการณ์ ที่สลับซับซ้อน
  • แต่ว่ามันมีแผ่นดินอยู่ในบางส่วนของก้นมหาสมุทรแปซิฟิกจริงๆชาวเลมูเรียก็รู้อยู่แก่ใจตลอดเวลาว่าพวกเขาเสี่ยงต่อการจมอยู่ใต้ทะเลและควรจะย้ายขึ้นไปอยู่ในที่ๆสูงกว่าแต่ตราใดที่อุณหภูมิของโลกยังคงเย็นอยู่พวกเขาก็เลยยังไม่เป็นอะไร
  • แต่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเงาของ“จุดร้อน”ที่ๆพวกคุณเรียกกันว่ารอยเลื่อนของเปลือกโลกขนาดใหญ่(Tectonic plates)
  • และพวกเขาก็รู้ว่ามันอาจจะเลื่อนอีกซักวันเพราะว่ามันก็เคยเลื่อนมาก่อนหน้านั้นแล้ว
  • เกาะที่พวกเขาพึ่งพาอาศัยอยู่ทั้งหลายก็ล้วนแต่เคยเป็นภูเขาไฟที่ยังตื่นอยู่มาก่อนทั้งนั้นดังนั้นพวกเขาจึงตกอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทุของภูเขาไฟเหล่านี้
  • เรามีอะไรอีกหลายอย่างที่จะบอกพวกคุณเกี่ยวกับเลมูเรียดังนั้นเราไปที่เรื่องเส้นทางแห่งจิตวิญญาณกันเถอะ
  • ในช่วงระยะเวลา20,000ปีของอาณาจักรเลมูเรียนั้นมีจิตวิญญาณที่ได้ผ่านเข้ามาในโลกใบนี้ในฐานะชาวเลมูเรียจำนวนทั้งสิ้น 350 ล้านคน
  • แต่นี่ไม่ใช่ในแบบที่หลายคนเข้าใจว่าพวกเขาสืบทอดเผ่าพันธุ์มาได้800ชั่วอายุคนหรอกนะเดี๋ยวเราจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟัง
  • มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะผู้ร่วมงานเอ๋ย (นาย Lee – ผู้แปล) เพราะมันเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้นดังนั้นแปลให้มันถูกต้องนะชาวเลมูเรียไม่ได้เวียนว่ายตายเกิดกลับมาเป็นชาวเลมูเรียนอีกหรอกนะเรากำลังจะบอกว่าจิตวิญญาณของชาวเลมูเรียทั้ง350ล้านดวงนี้เป็นจิตวิญญาณคนละดวงกันทั้งสิ้น(ขออนุญาตใช้คำว่า“ดวง”เป็นสรรพนามเรียก“จิตวิญญาณ”ตามแบบไทยๆนะครับแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นดวงจริงๆก็ตาม–ผู้แปล)
  • เป็นจิตวิญญาณของใครของมันและก็ไม่ได้เป็นจิตวิญญาณของมนุษย์ธรรมดาๆเท่านั้นด้วยแต่เป็นจิตวิญญาณของทวยเทพทั้งหลายที่ลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในอารยธรรมเลมูเรียและพวกเขาเมื่อตายจากไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ในอาณาจักรนี้อีกด้วยพวกเขาแต่ละคนเป็นผู้มาครั้งเดียว
  • อัตราการเกิดของพวกเขาแตกต่างจากของพวกคุณมากไม่ใกล้เคียงกับของพวกคุณในทุกวันนี้เลยและมันก็ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นแบบรูปเรขาคณิตเหมือนกับของพวกคุณด้วยซ้ำไปเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
  • ในทางชีวภาพแล้วมันมีเหตุผลอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้ชาวเลมูเรียไม่มีลูกมากนักนั่นก็คืออุณหภูมิของโลกและสภาพสังคมของพวกเขาในตอนนั้นในยุคนั้นมนุษย์ไม่ได้มีลูกง่ายๆเหมือนทุกวันนี้หรอกและเพราะอุณหภูมิที่ต่ำนี้ก็ได้ช่วยส่งเสริมให้วิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของพวกเขาเป็นไปได้ดีเท่าที่ต้องการอีกด้วย
  • ดังนั้นสิ่งที่พวกคุณทุกคนต้องรู้ก็คือวัฒนธรรมของชาวเลมูเรียเป็นวัฒนธรรมแห่งจิตวิญญาณและทั้ง350ล้านชีวิตของพวกเขาก็เป็นแบบเดียวกันนี้หมดด้วยนั่นจึงทำให้อารยธรรมของพวกเขาอยู่มาได้ยาวนานที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา
  • เดี๋ยวสักครู่เราจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังต่อ
Cr. ผู้แปล Chayutt

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์