วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

หมดเวรหมดกรรมซะทีนะ


กิเลสทั้งทางโลกทั้งทางธรรมมีเหมือนกัน
ใครบอกหมดกิเลส คนนั้นได้ตายไปแล้ว
เวลาไปงานศพเคาะๆๆๆฝาโลงบอกคนตาย
หมดเวรหมดกรรมซะทีนะ 
{จบละนะชาตินี้ที่รัก ฮือๆ}
คนตายใช่รู้เรื่องอะไร หมดไม่หมดไม่รู้
สัญญาเดิมมีติดไปเกิดภพใหม่โลกใหม่ก็ตามเดิม 
วนเวียนสังสารวัฏ 
น๊าน❗️บุพเพไปอาละวาด 
สันนิวาสตามราวีกันไปทุกภพทุกชาติ 
ป๊าด ป๊าด 555+ 
เดี๋ยวเปลี่ยนใหม่ 
สิ้นเวรสิ้นกรรมกันตรงนี้นะเธอที่รัก 
จงไปสู่สุคติเถิด 
อย่าได้เกิดมาร่วมภพร่วมชาติกันอีกต่อไปเลย 
อโหสิกรรม จงลืม จงลืม 
อย่าจดและอย่าจำกันได้อีกต่อไปเลยนะ 
หยาดน้ำสักสามโอ่ง ฝากพระแม่ธรณีไป 
คลายไม่คลายไม่รู้ 
ทำแล้วสบายใจจัดไป 
ตอนอยู่ท่าทางจะรักกันมาก
พอตายไปโครตสบายใจจัง 
555 ไม่เกินสามวันได้ใหม่ 
555 อนิจจาใจมนุษย์ 
ขนาดยังไม่ตายมีพรึบพรับ 
มันรักกันตรงไหนวะเนี่ย
รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส
หรือเพราะปัจจัยภายนอกปรุงแต่ง

ถ้ายังมีชีวิตอยู่ยังไงก็ไม่มีหมด
หมดกิเลส กิเลสหมด หมดเวรหมดกรรม 
สิ้นกรรมสิ้นเวร หมดบุญ บุญหมดไม่เหมือนกัน

กิเลสในทางธรรมะคือการละสละออก
กิเลสในทางโลกคือการถือครอง

กิเลสขาว
ขับเคลื่อนเป็นไปเพื่อประโยชน์อันเป็นคุณ 
อันเกิดประโยชน์สูงสุดแก่มวลมนุษย์
และสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลาย
ที่ไม่เป็นการเบียดเบียน
หรือไม่ยึดติดลุ่มหลง

เช่นกิเลสในทางธรรม 
เป็นอุปายะอย่างหนึ่ง สู่การฝึกปฏิบัติ
ตั้งตนอยู่ในศีลสมาธิปัญญา
น้อมนำพระรัตนตรัย 
น้อมนำหลักธรรมคำสอน
น้อมลงสู่ใจปฏิบัติที่ใจตน
หนทางแห่งสัมมา เส้นทางแห่งอริยะ 
นำสันติสุขมาสู่ตนเองและผู้อื่น

การออกบวชคือการสละ สละสิ่งหนึ่งสู่สิ่งหนึ่ง
แม้จะกล่าวนั้นคือการสละ 
แต่จะสละได้หมดจิตหมดใจได้จริงๆหรือไม่นั้น
อยู่ที่ใจผู้ประพฤติปฏิบัติตน
ตามครรลองครองธรรมได้ตลอดรอดฝั่งนั้นอีกเรื่องหนึ่ง 
หากเกิดความลุ่มหลงยึดติดอันเป็นทิฐิมานะ
ย่อมนำความเสื่อมมาสู่ตัวผู้ปฏิบัติเองได้ทั้งสิ้น 
กิเลสขาวมีเพื่อละฝึกการสละออก 
สละความมีตัวมีตนสละความเห็นแก่ตัว
คลายความยึดมั่นถือมั่น 
สละใจออกห่างอบายอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวง

กิเลสดำ
หรือกิเลสมารอันเป็นมิจฉาทิฐิในทางลุ่มหลง
อันเกิดโทษเภทภัยแก่มวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย 
อันได้แก่ โมหะ โทสะ โหภะ ราคะ 
อันเกิดภาวะแห่งการยึดติดครอบครอง
ยึดมั่นถือมั่นเกิดภาวะแห่งความรุ่มร้อน
ความเศร้าหมองเกิดแก่จิตใจตน 
อย่างนั้นเป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์