- เทพเทวดา ที่มาร่วมสร้างบารมีเหล่านี้ จะมีความเกี่ยวข้องกับเราตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นมนุษย์ เช่นเป็นสายเลือดมีความผูกพันกันมาก่อน เคยเกิดเป็นข้าทาสหรือบริวารกัน เป็นศิษย์กับอาจารย์กัน เป็นผู้มีบุญคุณต่อกัน เป็นต้น
- พอเรามาเกิดในชาตินี้ ท่านก็จะตามมาช่วยเหลือดูแลและร่วมสร้างบารมีกับเราด้วย
- ส่วนมากจะเรียกว่า มีองค์ หรือ องค์ใน บางคนมีความเกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่ก่อนสมัยพระพุทธองค์เสียอีก
- เหล่า เทพเทวดาเป็นแค่ดวงจิตมีกายเป็นทิพย์ ไม่มีร่างกายหยาบ การที่จะลงมาทำงานสร้างบารมีเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้สัมฤทธิ์ผลนั้น ก็จะต้องมีร่างกายที่สามารถจับต้องและเคลื่อนไหวได้
- ท่านก็เลยต้องหาร่างและร่างที่ดีที่สุดก็คือร่างของมนุษย์ บางครั้งร่างมนุษย์เหล่านั้นไม่ยอมรับท่าน ท่านก็จะทำให้ร่างนั้น ต้องยอมรับท่านให้ได้
- ถ้าหากร่างไม่รู้ ท่านก็จะทำให้ร่างรู้ จนได้ เช่น แกล้งทำให้เดือดร้อน เป็นทุกข์ มีปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งการเงิน การงาน สุขภาพ ทำให้เจ็บป่วย หมอก็หาสาเหตุของโรคไม่เจอ
- คนที่มีและเคยผ่านประสบการณ์ตรงนี้ ก็มีมากเหมือนกันและก็ไม่สามารถที่จะพูดและอธิบายให้ใครๆฟังได้
- คนที่เจอกับตัวเองจริงๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นอย่างไร เมื่อร่างมนุษย์ที่มีอาการต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว มักจะถูกทักว่า มีองค์
- จะต้องทำการรับขันธ์ เช่น ขันธ์ ๕ บ้าง ขันธ์ ๙ บ้าง เป็นต้น อาการเหล่านั้นจึงจะหาย ขอบอกตรงๆ ว่า ไม่จำเป็นต้องรับขันธ์เหล่านี้ครับ
- เพียงแต่ร่างนั้นปฏิบัติตนเป็นคนดี มีศีล ๕ และหมั่นปฏิบัติธรรม อยู่เนืองๆ ก็สะอาดเพียงพอที่เทวดาจะใช้เป็นร่าง เพื่อร่วมสร้างบารมีแล้ว
- ครั้งหนึ่งพระอานนท์ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า อีกนานเท่าไรคำสอนของพระพุทธองค์จะหมดไปจากโลกนี้
- พระพุทธองค์ตอบ พระอานนท์ว่าอีก ๕,๐๐๐ ปี เมื่อทราบว่าเป็นเช่นนี้พระภิกษุ พระภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ขอทำนุบำรุงดูแลรักษาคำสอนทาง พระพุทธศาสนา ๒๕๐๐ ปี
- ส่วนอีก ๒,๕๐๐ ปีหลังเหล่าองค์เทพเทวดาทั้งหลาย ขอลงมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อจากมนุษย์ทั้งหลายเป็นเวลา ๑,๒๕๐ ปี
- และส่วนที่เหลืออีก ๑,๒๕๐ ปี สุดท้ายเป็นหน้าที่ของพวกยักษ์
- ณ ปัจจุบันนี้ผ่านมาถึง ๕๙ ปีแล้ว จึงเป็นช่วงของเหล่าเทพเทวดา ลงมาสร้างบารมีและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ยุคนี้จึงนับว่าเป็น ยุคของเทพเทวดา ลงมาร่วม สร้างบารมี ในรูปแบบต่างๆ
- เรื่องที่ว่าลูกหลานพญานาคจะออกมาปกป้องพระศาสนา ยุคของพญานาคบ้างอะไรบ้าง
- จริงๆ แล้วให้พูดด้วยความเข้าใจที่ถูก พญานาคเค้ารักพระพุทธศาสนา มาตั้งแต่ยุคองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่
- มีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวข้องกับ พญานาค ที่ถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก แต่มีสักบทหรือไม่ที่ พญานาคท่านพูดกับพระพุทธองค์ไว้ ว่าจะให้ลูกหลานมาทำตัวแปลกๆ มาแสดงตัวอะไรแปลกๆ ไม่มีนะ
- พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้แค่ ต่อไปพระธรรมจะเป็นศาสดาของพวกเธอ เป็นที่พึ่ง พวกเราต้องลองพิจารณา
- พญานาคองค์บารมีใหญ่ๆ เช่น พญาศรีสุทโธนาคราช มาหาหลวงปู่มั่นเรา ท่านไปทำอะไร ท่านไปฟังธรรม ท่านทรงคุณธรรมมากนะ
- นึ่ตัวอย่างว่าท่าน ปฏิบัติตัวกันเช่นไร และพวกเราเข้าใจว่าเป็นลูกหลานพญานาค เราปฏิบัติกันเช่นไร
- พญานาคท่านก็พยายามที่จะเข้าหาทาง ศีล ทางธรรม ทางปฏิบัติที่ชื่อว่าเป็นทางประพฤติชอบ ไม่ได้เข้าหาฤทธิ์ หาเดช
- และยุคนี้ใช่นะ เป็น ยุคของพญานาค เค้า เค้ามาตามหาลูกหลานมันจริง แต่เค้าตามให้ปฏิบัติธรรมนะ ไม่ใช่ให้กลับไปตามหาเค้า
- บางคนฝัน ก็ไปหาข้อมูลใหญ่ ท่านจะเอาอะไร ท่านจะมาตามเรา เพียงแต่ กระแสจิต เค้ามันมาเจอเครื่องรับที่มันเสียอย่างจิตของพวกเรา
- จิตมันไม่ได้ฝึกมา มันรับรู้เพี้ยน มันก็ปรุงมั่วเลยทีนี้ พวกเราเคยฝันหรือไม่ แล้วฝันเราเป็นจริงทุกครั้งหรือเปล่า แล้วทำไมฝันถึงพญานาค
- เราจึงเชื่อว่ามันต้องจริงตามเรื่องราวที่เราฝัน จิตที่ท่านทรงมา อาจจะเป็นความเมตตา แต่เครื่องรับเรา บวกกับสัญญาเก่า ก็ตีรวนเรื่องราวเป็นอีกอย่าง หรือ อาจจะฝันจริง แต่ไม่รับทราบถึงเจตนาที่แท้จริงของเหล่าพญานาคเค้า
- เค้าเพียงแค่ต้องการปลุกให้รับรู้ถึงความห่วงใย โลกทิพย์ นี่เวลาจะมีอะไรเกิดขึ้น เค้าจะไว เค้าจะรับรู้ก่อน ก็มาเทวดานิมิตเตือนภัย
- ภัยนี้ก็คือภัยแห่งการเวียนว่ายนี่แหละ เกิดมา มันก็ต้องเจอภัยนานา มีสุขด้วยบุญ แต่มีกรรมที่เกิด
- เกิดไปมีเคราะห์ต้องภัยพิบัติขึ้นมา มันก็มี ภัยธรรมชาติ บางทีมันก็ไม่เลือกนะ
- และสิ่งที่จะคุ้มครองเราได้ดีที่สุดคือ ธรรมะ รักษาอย่างมากที่สุดคือรักษาใจ เผื่อยามต้องลาจากสังขารนี้ เราจะได้มีธรรมะรักษาจิตนำเราไปที่สว่างใน ภพหน้า
- ต้องพยายามนะ ดักคอกิเลสมันให้ทัน อย่าไปอยากเป็นเลย พญานาคเค้าน่าค้นหาจริง
- แต่เค้ายังต้องบำเพ็ญถึง 500 ปีนะ บางทีต้องเกิน 500 ปี กว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์
- เพราะพญานาคเค้าไม่มีธรรมะสัญญา เค้าไม่มีทางบรรลุธรรมได้ ส่วนเทวดาพญานาคภูมิเทวดาบรรลุธรรมได้ แต่ต้องบารมีสะสมมาพอนะ
- เพราะเทวดา ต้องเดินฐานจิต และ ฐานธรรม ซึ่งเป็นฐานที่ยากละเอียดอ่อน ต้องสะสมบารมีมามากพอจึงจะมาฟังธรรมและบรรลุบนสวรรค์
- เทวดาเค้าถึงอยากมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นภูมิที่ปฏิบัติธรรมได้ดีที่สุด โลกทิพย์เค้ารู้คุณพระธรรม
- มีเรามนุษย์นี่แหละ ชอบประมาทกัน ต้องพิจารณาดีๆนะ ทางไปพระนิพพานละเอียดอ่อน แต่จริงๆแล้วเรียบง่ายที่สุด อยู่กับใจเราที่จะรู้ได้
- ขอบคุณท่านเจ้าของภาพด้วยครับ
วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
เทพเทวดามาร่วมสร้างบารมี
เปิดพลังแห่ง ความสุข.............
การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......
" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น