วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

เรา ตถาคต ผู้ถึงแล้วซึ่ง "ตถตา"


ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง, หมวก, ต้นไม้, ต้นพืช, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ

สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว
"นิพพาน"

คือคำกลางๆ 
แสดงถึงสภาพความหลุดพ้น
ที่เกิดกับใครก็ได้ 
เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม



แต่

"พุทธิภาวะ"

เป็นภาวะของพระพุทธเจ้า 
ที่นอกเหนือจากการหลุดพ้น 
และหยั่งถึงความรู้แจ้งอย่างสมบูรณ์
พระพุทธเรียกพระองค์เองว่า 
เรา
ตถาคต 
ผู้ถึงแล้วซึ่ง
"ตถตา"

"ตถตา" 
หรือ ความเป็นเช่นนั้นเอง 
เป็นภาวะไร้ขีดจำกัด 
ที่ใช้คำว่าตถตามาสื่อภาวะคำดังกล่าว 
หากแต่เข้าใจยาก 
และบางครั้ง ความเป็นเช่นนั้นเอง 
ก็ถูกนำไปตีความให้ตอบสนองเข้าข้างตนเอง

แต่ในความเข้าใจที่ถูกต้อง 
คือ ญานหยั่งรู้ที่พ้นไปจากทุกกรอบความเชื่อ 
เป็นปัญญาแห่งการปลดปล่อย
ที่ไปจากทิฐิธรรมแล้วอย่างสิ้นเชิง
อริยมรรคนั้นอาจเป็นที่สุดของบางเส้นทาง 

แต่สำหรับพระโพธิสัตว์....
"พระพุทธคุณ"
อันเป็นปรมัตถ์คือความจริงที่สุด 
ที่ปฏิบัติจนหลุดพ้น
เพราะเป็นเหตุปัจจัยของจิตระดับพระพุทธเจ้า 
ที่แม้แต่พระอรหันต์สาวก 
แม้จะหลุดพ้นจริง ก็ยังมิอาจหยั่งถึง

บุคคลใดก็ตามที่มีพุทธิภาวะ 
ที่มีพุทธานุภาพระดับจิตแห่งพระพุทธเจ้า
ว่างเปล่าจากการแบ่งแยกทั้งปวง 

จิตดวงนั้น 
ย่อมเป็นแหล่งประมวลสัจจะแห่งธรรมชาติ
หรือความจริงอย่างตรงไปตรงมา 
สะท้อนธรรมชาติอิงอาศัย อิทัปปัจจยตา 
และปฏิจสมุปบาท
โดยไม่บิดเบือน

พุทธิภาวะอันลึกซึ้งนี้จะผ่าน
หรือ
หยั่งถึงได้ก็ต้องผ่านหนทาง
ตามรอยบาทของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

คือการบำเพ็ญโพธิสัตว์นี่เอ!!!

ขอโพธิจิตจงบังเกิดและงดงาม 
กับลูกๆอาม่าทุกคน สาธุ


ทุกค่ำคืน 
คนๆหนึ่งมีพุทธะอยู่ในอ้อมแขนขณะนอนหลับ
ทุกเช้าตรู่เมื่อลืมตาตื่น 
พุทธะก็ยังอยู่กับคนๆนั้น
ไม่ว่าลุกยืน นั่งลง หรือสนทนา 
ทั้งสองอยู่ที่เดียวกัน
และไม่เคยแยกจากกันสักขณะจิต
จงอย่ามองพุทธะนอกตัวเลย
พระพุทธะนั้น 
พำนักอยู่ในตัวท่านเองนั่นแหละ

ภายในตัวท่าน
คือการบรรจบกันระหว่างโลกกับนิพพาน
ระหว่างสิ่งที่จับต้องได้กับสิ่งที่จับต้องมิได้
ท่านเป็นทั้งจุดบรรจบ และเป็นทั้งจุดตัด
ท่านคือจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกกับธรรม
แต่แท้ที่จริง...มันคือจุดเดียวกัน

ไม่ต้องหนีโลก 
และไม่ต้องแบ่งแยกธรรม
แต่จงทำหน้าที่แห่งตน 
ที่มีต่อทุกรูป ทุกนาม
"ให้สมบูรณ์ที่สุด"

วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

#เริ่มสอนโพธิสัตวะจริยาวันแรก#

ในภาพอาจจะมี 1 คน

  • หลังจากเตรียมความพร้อมให้ธรรมปัญญาลูกๆมาเกือบปี และนำสร้างมหาบารมีทาน ทั้งภาคทิพย์ภาคหยาบ #จนเห็นอธิวาสนาและบารมีของลูกๆหลายคนที่แข็งแกร่งขึ้น
  • วันนี้ ได้อธิษฐานจิต ขอถ่ายทอดสอน"วิชาพระโพธิสัตว์"ให้กับลูกๆบ้านโพธิญาน เพื่อเป็นกำลังในการช่วยโปรดเวไนยต่อไป
  • #ซึ่งในอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์พยากรณ์สูตรนั้น 
  • #พระสุวรรณประภาสสิงหะกรีฑาพุทธเจ้าได้ตรัสว่า....
  • "การสามารถทำให้สรรพสัตว์พบโพธิจิตได้ คือการบูชาพระพุทธเจ้าสูงสุด
  • แม้จะใช้สิ่งของอันปราณีตบูชา ก็ไม่ประเสริฐเท่าการเกิดจิตเมตตากรุณาแล้วอุทิศ เพื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า
  • บุญกุศลที่ได้รับจากพุทธบูชานี้ ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ ไม่อาจนับคำนวนและไม่สามารถใช้คำใดมาพรรณาได้เลย
  • เพราะคุณประโยชน์แห่งโพธิจิตนี้จะนำไปสู่ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน"
  • ดังนั้น...ข้าพเจ้า จะขอประกาศต่อพุทธานุภาพที่มีทั่วจักรวาลอวกาศดั่งนี้ว่า
  • หากข้าพเจ้าท้อถอยในปนิธาน และการช่วยเหลือสรรพสัตว์ นั่นเท่ากับหลอกลวงพระพุทธเจ้าทั้งสิบทิศ
  • หากข้าพเจ้า มีโลภ มีโกรธ มีหลง นั่นเท่ากับหลอกลวงพระพุทธเจ้า ที่ข้าพเจ้าเคารพบูชา
  • และข้าพเจ้าจะไม่ขอหลุดพ้นเฉพาะตนเป็นพระอรหันต์สาวก
  • ข้าพเจ้าจะโปรดสรรพสัตว์ไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณ
  • ขอแรงอธิษฐานแห่งสัจจะบารมีนี้ ทำให้ข้าพเจ้าสามารถสั่งสอน "วิชาพระโพธิสัตว์" ได้สำเร็จ
  • จน สร้างพระโพธิสัตว์ให้เป็นอนันตประทีป
  • และปลุกโพธิจิตให้กับสรรพชีวิตในโลกธาตุนี้ อย่างไม่มีประมาณด้วยเทอญ
  • #โพธิสัตวะจริยาสัจจะบารมีอธิษฐานบารมีแห่งข้า#
  • อาม่า....พระเชนเรซิก

วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560

แต่ที่สุดของที่สุดนั้นพุทธะกับมารคือสื่งเดียวกัน

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

แม้ว่าเราจะเคยทำดีหรือไม่ดีมาก่อน

กรรมมันก็เกิดและดับแล้ว
มหาโจรทิ้งดาบ ยังเป็นพระอรหันต์ได้
"โอกาสของพรหมจรรย์หรืออริยมรรคนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ 
เกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต"
ถ้าเข้าใจถูกต้อง ใจก็เป็นปกติ
เพราะจริงๆ เราก็ไม่เลวอะไรมาก 
ไม่ได้เลวตลอดเวลา นานๆ เลวที

เพียงแต่แก้ไขด้วยการสำรวมระวังต่อไป
ทีนี้..
บางคนคิดว่าตัวเองเลวเหลือเกิน 
มันเลวเพราะมีมิจฉาทิฐิ

ไม่ใช่เลวเพราะทำเลว 
แต่เลวเพราะความเห็นผิด 
ความเห็นผิดนี้ คือย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละ

พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ชนทั้งหลายที่ยังไม่รู้จัก ปฎิจสมุปบาท 
เขายังยุ่งเหยิงเหมือนด้ายของช่างหูก 
เป็นกระจุกเหมือนกระจุกด้ายวนเวียนอยู่อย่างนั้นแหละ

ไม่อาจพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฎนี้ไปได้"
ที่เขาไปอบาย 
ไม่ใช่ไปเพราะทำผิดรุนแรงมากมาย
แต่ที่ต้องตกอบายไปเกิดอย่างนั้นอยู่เรื่อยไป
เพราะมีความเห็นผิดๆ
(ย้ำคิด ย้ำความผิดเก่าๆไปตอกย้ำตนเอง)
แต่เมื่อใดมีความเห็นถูกต้องแล้ว 
เป็นสัมมาทิฐิ เขาย่อมไม่ต้องไปอบาย
สัมมาทิฐิก็คือ รู้ความจริง
หากรู้ว่า หากคิดว่า" ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"
การประพฤติพรหมจรรย์ก็มีไม่ได้

"เพราะต้องมีตัวตนไปคอยรับผลดีผลชั่วนั้นตลอด"
มันก็ไม่มีทางหมด ไม่มีทางสิ้นสุด ไม่มีทางจบสิ้น
สุดท้ายก็ออกจากวงจรโลกไม่ได้
ทำให้สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้ดีแล้ว 
เพื่อสิ้นทุกข์ เพื่อสิ้นกรรม จึงถูกปฎิเสธไป
ดังนั้น...
จงอยู่กับจิตปัจจุบันที่บริสุทธิ์
ด้วยปัญญากันเถิด
มีกู....มีกรรม
หมดกู.....หมดกรรม

เมื่อเราเป็นผู้สำนึกที่แท้จริงแล้ว 
เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวิบากกรรมใดๆ อีกต่อไป

เมื่อเราใจบริสุทธ์เสียแล้ว 
การชดใช้กรรมนั้นมันก็ยุติสำหรับเราทันที

จะมีเหลือก็แต่ 
การอนิจจังของรูปธาตุและนามธาตุเท่านั้น
แต่หาใช่เกิดมาจากการชดใช้โดยมีความเป็น"เรา"ไม่
"กรรมจะหมดทันที เมื่อหมดความเป็นตัวตน ตัวกูของกู
แม้เป็นโรคร้าย ต้องตาย ก็จะไม่ใช่กรรม
ด้วย........
จิตจะพลิกมองว่า มันเป็นแค่ธาตุธรรมชาติ 
เสื่อมดับตามเหตุปัจจัย เท่านั้น

ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือเสวยผลเหล่านั้นเลย"
...................................
พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์
ท่านไม่เคยแบ่งแยกคนดีไม่ดี
มิใช่ว่า....
คนดี...ท่านช่วย
คนไม่ดี...ท่านไม่ช่วย

ท่านช่วยทุกคน 
เพื่อพลิกจิตปัจจุบันเขา เข้าสู่เส้นทางแห่งพุทธะ
ด้วยเหตุนี้การพลิกจิตมาร 
จึงเป็นงานสำคัญของผู้บำเพ็ญโพธิสัตว์
#แต่ที่สุดของที่สุดนั้นพุทธะกับมารคือสื่งเดียวกัน
#อาม่า#พระเชนเรซิก

คอร์สเรียนพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลพระอมิตภะ และคัมภีร์มรณะศาสตร์ทิเบต วิชาทองเลน


ใครที่คิดว่า 
จะลงคอร์สเรียนพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลพระอมิตภะ 
และคัมภีร์มรณะศาสตร์ทิเบต วิชาทองเลน 
เพื่อเป็นนกอินทรี 
บินข้ามผ่านตัวตน ออกโปรดเวไนยร่วมกับอาม่า
ให้ดูวิดีโอนี้ก่อน
เพื่อจะได้รู้จักวิถีปนิธานความเป็นโพธิสัตว์ที่แท้จริง
และจะได้ผ่านการคัดเลือกเมื่ออาม่าคัดกรอง
ว่า
จะยังเป็นนกกระจอก 
หรือนกอินทรีพร้อมที่จะเรียน
เพื่อประโยชน์แห่งเวไนยสัตว์ได้จริงหรือเปล่า

วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560

ไม่ใช่ร่างทรง ไม่ใช่ทางผ่าน แต่เป็นเนื้อหาเดียวกัน

ในภาพอาจจะมี 1 คน, เมฆ และ ท้องฟ้า

ไม่ใช่ร่างทรง ไม่ใช่ทางผ่าน 
แต่เป็นเนื้อหาเดียวกัน

ด้วยพระองค์ท่าน มาจาก มหาสุญญตา 
นอกเหนือการไป การมา 
และการมีอยู่ ไม่มีอยู่

พระองค์เป็นเนื้อหาเดียวกัน 
กับทุกสรรพสิ่ง
ร่างทรง ทางผ่าน อาจมีทั่วโลก
แต่ผู้รับอานุภาพ ต้องตายแล้วเท่านั้น
คือตายจาก ความ"เป็น อยู่ คือ"ทั้งหมด
ตายจากความเป็นหญิง-ชาย 
นักบวช ฆราวาส
ตายจากสมมุติโลกใดๆ

ข้ามผ่านธาตุบริสุทธิ์ทั้งปวง
ดังนั้น 
ผู้รับอานุภาพการโปรด จึงต้องแจ้งสุญญตาธรรม
เพื่อเป็นเนื้อหาเดียวกัน
กิจที่ต้องทำ จะมาพร้อม วิธี และกำลัง เมื่อมีเหต
เมือหมดเหตุ ทุกอย่างก็จะกลับกลายเป็นธรรมชาติ ที่มีเดิมๆ

อานุภาพการปลดปล่อย ญาน ฌาน 
จึงเป็นแค่ของอุปโหลกสมมุติ
ที่แค่ใช้งานเป็นครั้งๆไปตามเหตุปัจจัย
แต่....ไม่ใช่ของใคร
ไม่ใช่ของท่าน ไม่ใช่ของเรา 
เพราะมาจากความว่างเหมือนกันหมด

ตายจาก ความมี ความเป็น ก็กลายเป็นสิ่งเดียวกัน
เพราะแท้ที่จริง....
พระองค์ท่าน คือเนื้อหาเดียวกัน กับทุกสรรพสิ่ง
นั้นคือ"มหาสุญญตา"
#โอม มณี ปัทเม หุม#

#กำหนดการภารกิจที่เหลือของปีนี้ **เสฉวน-ทิเบต

ในภาพอาจจะมี ท้องฟ้า, เมฆ และ สถานที่กลางแจ้ง

จริงๆแล้ว ภาวะ เนกขัมมะ คือการกลับเข้ามาดูภายในแห่งตน แล้วเกิดความเข้าใจจนรู้จักปล่อยวาง

ในภาพอาจจะมี 1 คน


คำว่า"เนกขัมมะ"นะ ลูก
คนทั่วไปมักแปลว่าหมายถึงการออกบวช 
การใส่ชุดขาว การไปนั่งสมาธิ

จริงๆแล้ว ภาวะ เนกขัมมะ 
คือการกลับเข้ามาดูภายในแห่งตน

แล้วเกิดความเข้าใจจนรู้จักปล่อยวาง
สามารถปลีกตนออกจากสิ่งที่เคยยึดติด คืออุปาทาน
เพราะถ้าเรารู้จักตนเองอย่างถึงที่สุดแล้ว 
เราจะเป็นอิสระจากความรักและความชัง

การบวชจึงไม่ใช่การเปลี่ยนรูปลักษณะภายนอกมาสู่ผู้ทรงศีล
การบวช จึงมิใช่การทิ้งบ้านเรือนไปสู่ป่า

เนกขัมมะ คือภาวะที่หลุดพ้นจากสิ่งล่อลวง มายา 
และความยินดีในโลก
.....การเป็นนักบวช 
จึงมิใช่เครื่องแบบ และสถานที่อาศัย
.....การเป็นนักบวช อยู่ที่ใจ

และ วันใด ที่ลูก ก้าวพ้น ทั้งจาก
"ผู้ทุศีลและผู้ทรงศีล"
ไม่ติดข้องทั้งสองฝั่ง

ลูกก็จะพบความสว่างแห่งปัญญาอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุนี้ อาม่าจึงสอนลูกๆเสมอว่า 
ให้ทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้องตามเหตุปัจจัย
สงบ...ท่ามกลางความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
นี่แหละลูก คือยอดคน

เพราะการทำหน้าที่ที่ถูกต้อง 
จะเอื้อ ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ต่ออื่น 
อย่างแท้จริง
นิพพานบนดินนะ ลูก
นิพพานท่ามกลางสังสารวัฏ

วันจันทร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2560

และเพราะสุญญตาธรรมก็ยังมิใช่ธรรมสูงสุด "อั้วะ!!!จึงต้องกลับมา

ในภาพอาจจะมี 1 คน

และเพราะสุญญตาธรรมก็ยังมิใช่ธรรมสูงสุด
"อั้วะ!!!จึงต้องกลับมา 

กลับมาเพื่อรวบรวมลูกหลาน
ที่กระจัดกระจายพลัดหลง 
ให้กลับบ้านแห่งจิตวิญญานทั้งหมด"
เมื่อสรรพสัตว์ล้วนไม่หลุดพ้นจากภูมิทั้ง3 
คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย 
ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นทั้งสิ้น
พระโพธิสัตว์จึงต้องโปรดด้วยการอนุโลม
ไม่ปฎิเสธสมมุติบัญญัติในธรรมใดๆ
หากพบผู้ป่วยไข้ เราต้องเป็นโอสถ
หากพบคนหลงเราต้องชี้ทางที่ถูกต้อง


หากไปในสังสารวัฏอันมืดมิดเราต้องเป็นแสงสว่าง
ขาดขาดแคลนทรัพย์เราต้องเป็นเพชรจินดา
หากขาดแคลนธรรมเราจะเป็นผู้ป้อนธรรม
การอนุโลมนี้ 
เปรียบเราเป็นน้ำที่รูปร่างต้องอนุโลม
ดั่งภาชนะ แก้ว ขัน จาน ถ้วย
รู้ไว้เถิดว่า 
ทุกจริยาวัตรโพธิสัตว์ที่อนุโลมสัตว์
ด้วยมุ่งหวังโปรดสรรพสัตว์
บำเพ็ญธรรมสู่สภาวะเดิมแท้นั้น
คือการถวายความเคารพพระพุทธเจ้าทั้งปวงอย่างสูงสุด
มหาปนิธานของพระโพธิสัตว์ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ
หากการโปรดนั้น เป็นไปเพื่อ ปลุกโพธิจิต

ในภาพอาจจะมี 2 คน, สถานที่ในร่ม
นับตั้งแต่
เธอตั้งจิตปรารถนาอันแน่วแน่

ที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์
อันไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ให้หลุดพ้น
กระแสแห่งบุญกุศลอันกว้างใหญ่ดุจท้องฟ้า
ย่อมไหลรินสู่เธออย่างไม่ขาดสาย
แม้ยามเมื่อเธอหลับ หรือยามเธอหวั่นไหว
~ โพธิจรรยาอวตาร, ศานติเทวะ

วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

รางวัลพระโพธิสัตว์ คือสรรพสัตว์เป็นสุข

ในภาพอาจจะมี 2 คน, หมวก และ ข้อความ


  • ตั้งใจว่าจะถนอมธาตุขันธ์ ถนอมจิต งดภารกิจ งดเดินทาง เพื่อเตรียมตัวไปแสวงบุญและขนรื้อภพภูมิ กรุงลาซา ทิเบต เดือนตุลาคมนี้
  • แต่ด้วยโพธิจิต ที่ไม่สามารถทอดทิ้งเวไนยได้ ก้ยังต้องใช้กำลังแห่งจิต รักษาคนป่วยทุกวัน
  • รายล่าสุด หมอบอกญาติว่าถ้าผู้ป่วยอ่อนแรงมาก จะต้องเจาะคอ ใส่ท่อช่วยหายใจ อาม่าบอกญาติว่าขออาม่ารักษาก่อน อย่าเพิ่งใส่ท่อ
  • รื้อวิบากกรรมดู คนป่วยเป็นนักรบเก่า ทหารมากมายแทรกอยู่ในร่าง อาม่าจึงแนะนำวิธีญาติ ยุติกรรม และปลดปล่อย เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้น
  • ถอดจิตไป ยืนหัวเตียง ท่องอักขระ คว่ำฝ่ามือแล้วบอกว่า "เธอจงกลับมามีสติเถิด"
  • ได้รับข่าวดีว่า อาการดีขึ้นมาก หลับตาได้ หลังจากตาค้างมา2วัน และเริ่มมีสติขยับแขนขาได้
  • ก็แค่นี้เอง แค่...ปิติ
  • รางวัลพระโพธิสัตว์ คือสรรพสัตว์เป็นสุข
  • สำหรับพระโพธิสัตว์ ไม่มีสิ่งใดที่เทิดทูนเหนือไปกว่า"สรรพชีวิต" เพราะสรรพชีวิตคือ ปนิธาน

#อาม่า#พระเชนเรซิก

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์