วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สืบทอดวิถีธรรมสายกลาง

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ
สืบทอดวิถีธรรมสายกลาง
  • วิถีจิต ก็คือ กระจ่างใจ บำเพ็ญถ่ายทอดวิถีธรรมแห่งใจ
  • ใจนั้นอันที่จริงปราศจากธรรมหรือไม่ธรรม ใจจึงได้ชื่อว่า “เป็นกลาง” เป็นกลางหนึ่งเดียวไม่เป็นสองก็คือความเป็นธรรมะในตัว
  • คน หากได้ความเป็นกลาง รักษาความเป็นกลาง ใช้ความเป็น กลางได้ ก็เหมือนกับที่ได้รับธรรม บำเพ็ญธรรม ปฏิบัติงานธรรม จิตญาณก็จะสว่างใส บรรลุอริยะโดยไม่ต้องสงสัย
  • ได้รับความ “เป็นกลาง” นี้จึงเรียกว่า “รู้หยุด” อีกทั้งประคองรักษาไว้ สมบูรณ์ไว้ ก็จะได้คุณสมบัติของความเป็นธรรมะตั้งแต่ สติ สมาธิ สงบ พิจารณา ได้รับ(ได้เข้าถึง)

  • ".....แต่ทว่า คนมักไม่เข้าใจความวิเศษแยบยลของญาณทวารจุดนี้ เอาแต่การร่ำเรียนเป็นความรู้ เอาผลงานเป็นคุณธรรม เอาสังขตะปรุงแต่งเป็นวิถีธรรม
  • เหล่านี้ ท่านเหล่าเฉียนเหยินห่วงใยนัก ด้วยคนล้วนไม่เข้าใจในหลักสัจธรรม ไม่ทำให้ถึงที่สุดซึ่งอาจารย์ถ่ายทอดให้ เป็นเหตุให้ชีพจรธรรมอับเฉา ปัญญาญาณขาดสิ้น ไม่มีอะไรจะหนักหนากว่านี้อีกแล้ว....."
  • ดังนั้น ท่านจึงหยิบยกเสมอ กำชับอย่างจริงจัง ไม่ว่าอรรถาธิบายธรรม,วิเคราะห์
  • แจกแจงหลักธรรม หรือแก้ความเข้าใจผิด จะต้องไม่พ้นหากจาก “หนึ่งจุดพระวิสุทธ์เบิก” นี้
  • ไม่ว่าจะยืนยันด้วยพระคัมภีร์หรือบังเกิดจิตสัมผัสได้ จะต้องชี้ให้เห็น “ตรงหน้า ณ บัดนี้”
  • ฉะนั้น อรรถาธรรมทั้งวัน จะเป็นเช่นเอานิ้วชี้ที่ดวงจันทร์ ล้วนทำให้ผู้ศึกษากลับคืนความรู้สู่จิตญาณตนเท่านั้น
  • ".....ท่านเหล่าเฉียนเหยินโปรดเสมอว่า
  • หนึ่งจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์ ก็คือ “การชี้แนะความลับของพงศาสายธรรม”
  • กำชับผู้น้อย จะต้อง “ทุกขณะสิบสองชั่วยามรำลึกมั่น อย่าห่างจากจุดนี้”....."
………….
  • บำเพ็ญคือ สงบจิต ณ จุดวิเศษ เก็บจิตใจให้ใสนิ่ง
  • หากประสบบุญปัจจัยเข้าถึงได้ มิใช่อื่นไกลคือปฏิบัติงานธรรมนำพาผู้คน
  • ฉะนั้น อยู่นิ่งหรือเคลื่อนไหวไม่ห่างจากใจหนึ่งเดียว
  • จะพูดจาหรือเงียบงันให้เหมาะหมายในจุดสำคัญนี้
  • สภาวธรรมนี้จะเหมือนมหาสมุทรโถมคลื่นสุดสายตา
  • เหมือนเขาสูงซับซ้อนยาวเหยียด พลานุภาพเพิ่มพูน
  • จะอาจหาญเหมือนต้นเหมยยืนแกร่งกลางหิมะ
  • จิตใจที่ได้ชำระดุจดังบัวบริสุทธิ์พ้นน้ำ
  • แรงวิริยะจะเหมือนต้นสนทระนงอยู่กับหิมะน้ำแข็ง
  • สุจริตธรรมความเป็นผู้น้อมให้จะเหมือนข้อไผ่แกร่งดันมั่นคง
  • อันคุณสมบัติที่ฟูกฟักได้บริบูรณ์นี้ มีศูนย์กลางเป็นหลัก ผลักดันตามบุญปัจจัยเป็นธรรมชาติวิเศษสร้างสรรค์ ผู้บำเพ็ญจึงงามสง่าได้เพียงนี้
………….
  • ".…สรุปลงด้วย หนึ่งจุดเบิก ลับเฉพาะจากพระวิสุทธิอาจารย์ ทำให้นัยแห่งฌานอันแท้จริงเปิดเผยครั้งใหญ่ และปิดไว้เป็นการเฉพาะ จึงมิพึงเคี่ยวกรำบำเพ็ญอาการ มิต้องค้นหาให้ถึงที่สุดด้วยการนั่งฌาน เพราะ “ธรรมะ” อยู่แค่ “เจินหยันกวนทวารวิเศษ” เบื้องหน้า เพียงแค่รำลึกย้อนส่อง นั่นเอง ณ บัดใจ....."

หมายเหตุ--คนเราไม่ยุ่ง มุ่งแต่บำเพ็ญ
ตั้งใจศึกษา จริงใจต่อฟ้า
ฉุดช่วยเวไนย ไม่ห่างจิตเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์