วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สมมุติซ้อนสมมุติ



จิต ที่ติดสมมุติเป็นอย่างไร
ตามธรรมชาติ จิตปรุงแต่งเสมอ

ก็ปล่อยให้เขาปรุงไปเถิด
หน้าที่เขาตามธรรมชาติ
ย่อมตัดสิน 
สมมุติให้ค่าไปในทางหนึ่งทางใดเสมอ
เช่นพอมองใคร ก็ปรุงทันที 
ผู้หญิง ผู้ชายวะ

รวย ไม่รวย สวยไม่สวย หล่อไม่หล่อ
ถ้าเป็นสิ่งของ 
ก็ดีไม่ดี ถูกไม่ถูก แพง ไม่แพง
เป็นการสมมุติซ้อนสมมุติอีกที
แต่การรู้โดยธรรม เรียกว่ารู้อย่างปรมัตถ์
การรู้แบบปรมัตถ์ 
คือรับรู้อย่างวางเฉย ได้ยินก็แค่ได้ยิน เห็นก็แค่เห็น
รู้แต่เฉยๆ เพิกถอนสมมุติบัญญัติ
ความยินดียินร้ายจะน้อยลง 
ความทุกข์ก็จะลดน้อยลง

การปรุงแต่งเหล่านั้น 
ก็แค่อาการของจิต ที่เราควรรู้เท่าทัน
ดังนั้น เราไม่ควร เห็นอะไรเป็นอะไร 
เพราะความคิดนั้น ไม่ใช่ความจริง
ถ้าเราอยู่เหนือความคิด 
เราก็จะอยู่กับความจริง มองเห็นอย่างเท่าทัน

"ทุกสิ่งล้วนเป็นอย่างที่เป็น 
แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่เราสมมุติให้มันเป็น"
ตถตา......
ทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์