วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560
"สักแต่ว่า...ทุกปรากฏการณ์" ไม่ต้องไปกำจัดอะไร เพียงแค่อย่าสนใจมัน
ค้นหาสาเหตุ...และบำบัดสำเร็จ
- วันนี้...สะกดจิตตนเอง เพื่อเข้าไปสู่แฟ้มแห่งจิตใต้สำนึกไปดูที่มาแห่งมหาปนิธาน
- และได้ร่วมสะกดจิต ย้อนอดีตเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นลมชักมาแต่กำเนิด
- ย้อนไปหลายชาติภพ จนมาจบ ที่ภพชาติที่เป็นแม่ค้าขายปลาดุก
- เขามองเห็นตนเองตอนนั้นอายุ40+ปี ทุบหัวปลาให้ลูกค้า
- จนเป็นเหตุเป็นผล ให้เจ็บป่วยในภพชาติปัจจุบัน
- อาม่าได้น้อมพระพุทธเจ้าแห่งความกรุณามาเป็นประธานอยู่ในจิตใต้สำนึกนั้น และขอขมากรรม พร้อมส่งบุญกุศล จนวิบากกรรมทั้งปวงได้คลาย อโหสิกรรม
- ทุกการเจ็บไข้ได้ป่วย และทุกปรากฏการณ์ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นลอยๆ สร้างสิ่งใดไว้ ล้วนเป็นพลังงาน ที่รอส่งผลสะท้อนกลับทั้งสิ้น
- กลับมาจากทิเบต อาม่าจะ ถ่ายทอด และแนะแนวทางให้กับผู้มีวาสนากับอาม่าในโพธิจิต ได้ฉุดช่วยเวไนยต่อไป
- อาม่า...พระเชนเรซิก
คำว่าว่าง มิได้หมายความว่า สรรพสิ่ง ไม่มีอย่างสิ้นเชิง
หากแต่อยู่ด้วย เนื่องด้วย
หลายๆปัจจัยมาประกอบกัน
เราจึงนับว่าจิตเป็นความว่าง
ถึงจะมีชีวิต ครอบครัว หรือมีอะไรๆมากมาย
นิพพานก็เป็นของเธอ
วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560
ข้าจะไม่มา ไม่ไป ไม่ผ่องแผ้ว ไม่หมองมัว ด้วยความเป็นนิรันดร์แห่งพระโพธิญาน และนามของข้าคือ..."พระเชนเรซิก"
คำว่าประกาศพรหมจรรย์นั้น
มิใช่มีลาภ สักการะ ชื่อเสียงเป็นอานิสงค์
มิใช่มีความสมบูรณ์ของศีลเป็นอานิสงค์
มิใช่มีความสมบูรณ์ของสมาธิเป็นอานิสงค์
มิใช่มีญานทัศนะอันวิจิตรเป็นอานิสงค์
หากแต่มี
ศีลอันเอกอุ
สมาธิอันเอกอุ
ญานทัศนะอันเอกอุ
ก็ยังข้ามพ้นผ่านตัวตนของตนเองไม่ได้
นิพพานคือความว่าง
นิพพานท่ามกลางการโปรดเวไนยในสังสารวัฏ
การมีวาสนา ต่อเวไนยในโลกธาตุ
จงเคารพพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
จงหมุนธรรมจักรด้วยการปฎิบัติสัมมาธรรม
จงกระทำตนเองให้มีกุศล
สอนผู้อื่นให้ทำกุศล
โมทนากับผู้ทำกุศล
สรรญเสริญในกุศลทั้งปวง
และประกาศพรหมจรรย์
บ้านที่เป็นแสงสว่างอันไม่มีประมาณ
พระโพธิญาน
โอม มณี ปัทเม ฮุม
#อาม่า#พระเชนเรซิก
วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560
พระศรีอารยเมตไตรยบรมโพธิสัตว์
- คติของฝ่ายมหายานกล่าวว่า มีพระโพธิสัตต์พระองค์หนึ่งชื่อ "พระวิศวปาณีโพธิสัตต์" ซึ่งขณะนี้ทรงบำเพ็ญญาณอยู่กับพระอาทิพุทธ (พระพุทธเจ้าองค์ปฐม) จนกว่ากัลป์ที่ ๕ พระศรีอารยเมตไตรยมาตรัสเป็นพระมานุษิพุทธเมื่อใด เมื่อนั้นพระวิศวปาณีจะสร้างโลกใหม่
- ทางฝ่ายเถรวาทและฝ่ายมหายานต่างก็เชื่อว่า พระศรีอารยเมตไตรย จะตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล เพราะในกัลป์นี้นั้น มีผู้มาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ๔ พระองค์ คือ
- พระพุทธกกุสันโธ สัตว์คู่บารมีคือ ไก่
- พระพุทธโกนาคมโน สัตว์คู่บารมีคือ นาค
- พระพุทธกัสสโป สัตว์คู่บารมีคือ เต่า
- พระพุทธสมณโคดม ( ศากยมุนี ) สัตว์คู่บารมีคือ โค
- พระศรีอารยเมตไตรย สัตว์คู่บารมีคือ สิงห์
- พระโพธิสัตต์องค์นี้ มีรูปประดิษฐานบูชาตามอารามทั่วไป เป็นรูปพระสงฆ์จีนครองจีวรแบบจีน ปล่อยส่วนที่ท้องให้เป็นท้องพลุ้ยใหญ่ รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ใบหน้าหัวเราะร่าเริงมาก และมีถุงย่ามขนาดใหญ่อยู่ที่มือข้างขวาของท่าน ข้างซ้ายถือลูกประคำ
- ในบางแห่ง จะเห็นว่ามีรูปเด็กปีนป่ายขึ้นไปบนร่างท่าน ซึ่งเป็นเครื่องแสดงว่าท่านเป็นพระที่ใจดี ไม่มีวิตกกังวลและห่วงใย ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร เป็นที่เคารพรักของพวกเด็กมาก รูปพระโพธิสัตว์องค์นี้ ความจริงเป็นรูปปั้นของพระ " หลวงพ่อถุงย่าม " เป็นพระภิกษุในยุค ๕ ราชวงค์
- ท่านเป็นชาวเมืองฮ่องฮัว มณฑลเม่งจิว เจ้าของฉายาว่า " เข่ยชื้อ " หรือ " เชียงเทงจื้อ " โดยปกติท่านมีลักษณะอาการแสดงความเบิกบานเป็นสุขตลอดเวลา ไปไหนมาไหนจะมีย่ามใหญ่ติดตัวไปด้วย จึงได้รับฉายาว่า " หลวงพ่อถุงย่ามใหญ่ " ท่านพูดอะไรมักจะเป็นอรรถ มีความหมายในทางนิกายเซ็น (ฌาน)
- ในปีที่ ๓ แห่งรัชกาลเจงเม้ง (พ.ศ. ๑๔๖๐) ท่านได้นั่งเข้าสมาธิดับขันธ์ที่แท่นหิน วัดงักลิ้ม ก่อนดับได้เขียนคาถาไว้บทหนึ่งว่า ....
- พระเมตไตรย คือ พระเมตไตรย
- แบ่งกายเป็นพันหมื่นโกฏิ
- ให้คนได้เห็นทุกเวลา แต่คนก็ไม่รู้จัก
จงสง่างามให้สมเป็น"นกอินทรี"ของอาม่า
- ธรรมะสวัสดียามเช้า โอวาทธรรม"วันธรรมสวณะ"สำหรับลูกๆกลุ่มโพธิญานทุกคนวันนี้คือ
- #ความสง่างามแห่งการพบปะกันของนกอินทรี#
- เนื่องจากลูกๆอาม่านั้น มีหลายๆกลุ่ม หลายจังหวัด แต่ทุกคนมีจุดศูนย์กลางสิ่งเดียวกัน
- คือมีอาม่า เป็นแม่ เป็นพ่อ เป็นย่า เป็นยาย ทางจิตวิญญาน
- และมีพระสัมมาสัมโพธิญานที่ปฏิญานตน ดำเนินตามรอยบาทพระพุทธองค์เป็นที่สุด
- ดังนั้น...ลูกๆทุกคนของอาม่าต้องเป็น"นกอินทรี"
- มิใช่นกกระจอกหรือ"ไก่"
- ที่แค่....บินข้ามผ่านตัวตน
- ข้ามผ่านอารมณ์อย่างหยาบๆของทางโลก"ยังไม่ได้"
- เรายังต้องมีกิจกรรมร่วมกันอีกมาก ในผังงาน
- ดังนั้น...หากนกอินทรีจะต้องพบปะกัน
- ก็จงพบกันอย่างสง่างาม ที่จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง และต่อประโยชน์โลก
- และ...อาม่า ในฐานะ พ่อแม่ ย่ายาย เสาหลักแห่งกลุ่มโพธิญาน ได้กระทำตน วางตน และเป็น ตัวอย่างให้ลูกๆได้เห็นแล้วว่า
- "อาม่าไม่เคย บินลงที่ต่ำ โฉบไปจิกตีกับใคร" หรือแม้คำเดียว ก็ไม่เคยสอดแทรกแสดงอารมณ์ใดๆในทุกธรรมะที่อบรมลูกๆ"
- ***แม้จะมีกระแสต่อต้าน มาจากที่ใด
- สอนผู้อื่น...ตนเองต้องทำได้ด้วย
- นี่คือลักษณะของการเป็นครูบาอาจารย์
- เป็นลูกอาม่าจริง "ต้องเป็นอินทรีที่สง่างาม"
- รัก สามัคคีกันให้มากๆนะลูก
- เรามาเพื่อปนิธาน เพื่อบำเพ็ญต่อยอด ตามสัจจะที่ให้แก่พระพุทธองค์
- ไม่ได้มา เพื่อรัก เพื่อชัง เพื่อชอบ เพื่อเกลียด
- ตกเป็นทาสอารมณ์ อยู่ในทวิภาวะ ธรรมคู่
- ##การเดินย่ำไปย่ำมามันก็ ไม่พ้นเหยียบขี้ตนเอง คือขี้ไก่ ขี้นกกระจอก เพราะตัวเองไม่บินสักที#
- มาเยือนโลกนี้...ต้องมาให้สง่างาม
- และ จากไปให้งดงาม เช่นกัน!!!
- คำว่า"โพธิญาน"เป็นคำที่สูง
- การได้มาเข้ากลุ่มโพธิญาน คือการได้มีโอกาส สร้างบารมีใหญ่ร่วมกัน
- ดังนั้น..จงสง่างามให้สมเป็น"นกอินทรี"ของอาม่า
- รักลูกทุกคน
- อาม่า#พระเชนเรซิก#
สมมุติแห่งธรรม
คนเข้าถึงธรรมะก็ว่าง
ผลของการเข้าถึงธรรมะ ก็คือความว่าง
ข้ามผ่านการให้ค่าของสมอง
ตัวนิพพานก็เป็นหนึ่งเดียวกับพุทธะ
และอยู่ที่หน้าผากตลอดเวลา อยู่แล้ว
สุญญตาหรือความว่างนั่นแหละ คือ"พระนิพพาน"
วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560
680...ปางแห่งพระอวโลกิเตศวร
- พระอวโลกิเตศวร ผู้มีมหาเมตตา มหาบารมี ต่อสรรพสัตว์ จึงนิรมิตกายได้หลายปาง ไม่ต่ำกว่า ๓๓ ปาง แต่ละปางจักมีลักษณะที่แตกต่าง และวิธีการสอนธรรมที่แตกต่างกัน เพื่อยังประโยชน์สูงสุด เหมาะสมกับเวไนยสัตว์นั้น ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างมา สัก ๗ ปาง เชิญผู้อ่านได้ทัศนา.อย่างเบิกบาน
พระอวโลกิเตศวรเอกตถตา |
- รูปลักษณะ : ทรงประทับบนก้อนเมฆ เหะเหินไปในนภาอากาศ
- เอกตถตา ..มีจิตเป็นหนยึ่ง ไม่วอกแวก ย่อมมีอำนาจมาก เมื่อใดเราพบ“เมฆทะมึน ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก ลมฝนพายุใหญ่ ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ สิ่งต่าง ๆ ในเวลานั้นย่อมจักสลายหายไป” ทรงมีปัญญา ทรงสามารถสั่งกำราบเมฆทะมึน ฟ้าร้อน ฟ้าฝ่า ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดจากมาร
- รูปลักษณะ : ทรงมีกลีบดอกบัวเป็นพาหนะ ประทับยืนบนผิวน้ำ พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตรไวฑูรย( อัญมณีชนิดหนึ่งซึ่งมีสีฟ้า)
- “ถ้าบุคคล ต้องโทษจองจำอยู่ในหลักประหาร เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร อาวุธ(ของเพชฌฆาต) ก็จะแตกละเอียด
- ได้ พระสูตรชื่อว่า “อุตมราชาอวโลกิเตศวรสูตร”หรือ “อายุวัฒนะทศวจีอวโลกิเตศวรสูตร”
- หากท่องพระสูตรนี้หนึ่งพันจบ ผู้ที่ตายแล้วยังจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
- รูปลักษณะ : ทรงประทับยืนอยู่บนก้อนเมฆ ครองอาภรณ์สีขาวใหม่เอี่ยม ทรงมีพระวรกายที่งดงามมาก ในเวลาที่ทรงพนมมือ ในมือนั้นทรงถือดอกอุบล(บัวเขียว)
- พระตารานั้นเป็นนิรมาณกายของพระอวโลกิเตศวร ทรงเพศเป็นหญิง
- “ถ้าบุคคล ถูกหมู่ศัตรูที่มีอาวุธครบมือล้อมไว้ ด้วยจิตคิดจะเบียดเบียน เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ศัตรูก็จะเกิดจิตเมตตาขึ้นในขณะนั้น”
อวโลกิเตศวรถือกิ่งหลิว |
- รูปลักษณะ : พระหัตถ์ซ้ายทำอภัยมุทรา พระหัตถ์ขวาถือกิ่งหลิ่ว ประทับบนหินผา พระหัตถ์ที่ถือกิ่งหลิ่วเป็นไภษัชยธรรม (ธรรมอันเป็นยา) สามารถขจัดโรคทั้งหลายได้
- “พระอวโลกิเตศวรทรงถือกิ่งหลิ่วและคนโทบริสุทธิ์ ทรงสาดน้ำคืออมฤตธรรมให้ปกแผ่ไปทั่วด้วยจิตมีประกอบด้วยความเมตตากรุณาที่ยิ่งใหญ่ เพื่อดับทุกข์ดับภัยแก่สรรพสัตว์”
- กวนอินปางนี้ถือความทรงพระคุณมากในเรื่องการรักษาโรค ใหโชคลาภ ช่วยให้ฝนตกและขจัดภัยต่าง ๆ
- รูปลักษณะ : ทรงประทับบนหัวมังกร พระหัตถ์ขวาทรงถือกิ่งหลิ่ว พระหัตถ์ซ้ายจับผ้าข่าวที่ทรงครอง ทรงครองผ้าสีขาว
- เพื่อแสดงธรรม แก่ผู้ที่สมควรโปรดด้วยรูปเทวดาและนาค”
- นาคราชจัดเป็นส่วนหนึ่งของเดรัจฉานคติ เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ยังหลง
@ปูรณรัศมีอวโลกิเตศวร
- รูปลักษณะ : ทรงประทับอยู่บนหินผา พระวรการตั้งตรงปรากฏแสงสว่างที่โชติช่วงยิ่งนัก
- “รัศมี”หมายถึงแสงสว่าง เพราะพระอวโลกิเตศวรทรงกอรปไปด้วยความรักความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏออกมาของแสงสว่างนั้น “รัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน สุริยปัญญา(ปัญญาเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์) ทำลายความมืดมนทั้งหลาย สามารถกำราบภัยจากลมและไฟ รัศมีปกแผ่ทั่วโลกธาตุ”
- รูปลักษณะ : ปางนี้ทรงประทับอยู่เหนือเมฆ เข่าข้างซ้ายตั้งตรง มือขวายันร่างกายไว้
- การอบรมสั่งสอนธรรมของพระอวโลกิเตศวรนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างไม่มีสิ่งใดที่มาขว้างกันได้ ทรงปรากฏขึ้นได้ทุกที่ทุกสถาน เป็นอิสระในทุกสิ่ง จึงถูกกล่าวขานว่า พระอวโลกิเตศวรทรงจาริก หมายถึงการเที่ยวไปอย่างเป็นอิสระประกอบด้วยความเพลิดเพลิน เพราะได้นิรมาณกายไปช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลาย
"ผู้ใดเห็นปฎิจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
- 1 สมมุติสัจจะ ความจริงที่สมมุติ ผู้หญิง ผู้ชาย พ่อ แม่ ผัว เมีย พระ ฆราวาส เป็ด ไก่ เป็นต้นแต่เรายอมรับร่วมกัน และทำหน้าที่ให้ถูกต้องตามสมมุตินั้นๆ(ตรงนี้สำคัญมาก)
- 2.ปรมัตถ์สัจจะ คือ ความจริงสูงสุด คือจริงๆแล้ว ทุกอย่างเป็นแค่ การไหลเวียนของธรรมชาติ ตามเหตุ ตามปัจจัย ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีผู้หญิง ไม่มีผู้ชาย มีแต่ธาตุทั้ง 4 มาประชุม แล้วจิตเข้าไปยึดครอง แล้วเราก็สมมุติ ว่า มนุษย์ ว่าสัตว์แต่ที่น่าตกใจคือ แม้"จิต"ก็เป็นธรรมธาตุเช่นกัน มันจึงไม่มีอะไรเลย ในโลกใบนี้ นอกจากการปรุงแต่งของธรรมชาติ ที่อิงแอบ เคลื่อนไหล ตามกฎอิทัปปจยตา
จริยาวัตรของพระโพธิสัตว์นั้น จึงเกินปัญญาที่ปุถุชนจะเข้าใจ
ภาพประวัติศาสตร์ อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ปรากฏ "ฉัพพรรณรังสีแห่งพุทธานุภาพ" ในการกล่าวโองการ ขนรื้อภพภูมิ
ภาพประวัติศาสตร์
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ปรากฏ
"ฉัพพรรณรังสีแห่งพุทธานุภาพ"
ในการกล่าวโองการ ขนรื้อภพภูมิ
ของกลุ่มโพธิญาน
และกล่าวถอดถอนขอขมากรรม
ณ วัดบางกุ้ง สมุทรสงคราม
|
วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560
ร่วมแจกมหาทานบารมีกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการและประธานมูลนิธิร่วมกุศล
- เนื่องด้วยกลุ่มโพธิญานเป็นเจ้าภาพใหญ่แจกเงิน 100,000 บาทและซุ้มโรงทาน แจกอาหารสด-อาหารแห้ง 6ซุ้ม
- พลังแห่ง"โพธิจิต"นั้นยิ่งใหญ่เสมอ
- งานนี้ จะสำเร็จไม่ได้ หากไม่มีพลังของโพธิจิตลูกๆอาม่า รวมพลังกัน
- ขอสาธุการ และขอสัญญาด้วยจิตแห่งผู้บำเพ็ญ สัจจะบารมี อาม่าจะนำพาลูกๆสร้างบารมี เพื่อให้ลูกๆอาม่าเป็นอนันตประทีป ที่ส่องสว่างเป็นประโยชน์ทั้งตนเอง และเวไนยต่อไป
- #จุดมุ่งหมายของกลุ่มโพธิญาน# มี3ข้อคือ
- 1.ยกระดับจิตวิญญานตนเอง ให้เข้าสู่จิตวิญญานระดับพระพุทธเจ้าคือ กลับสู่ความเป็นพุทธะ
- 2.ยกระดับจิตวิญญานเพื่อนมนุษย์ ด้วยพรหมวิหาร4ให้เป็นอนันตประทีป ได้จุดต่อๆกันไป
- 3.ช่วยขนรื้อภพภูมิ ตัดอบายให้แก่เวไนย ทั้งภาคหยาบ ภาคทิพย์
- (เนื่องด้วยเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน เราต้องเคลียร์พลังเก่าทั้งหมด)
- ขอลูกๆอาม่าทุกคน จงตั้งมั่นในความดี และเดินไปในเส้นทาง ที่พระพุทธะทุกพระองค์ต้องข้ามผ่าน
- รักลูกทุกคน
- อาม่า#พระเชนเรซิก#
- #ขอบคุณที่ตามหากันจนเจอ#
เปิดพลังแห่ง ความสุข.............
การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......
" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "