วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

เชื่อไหมว่า




เชื่อไหมว่า 
นิพพานนั้นรองรับสังสารวัฎอยู่แล้ว 
(เกิดมาก็นิพพานอยู่แล้ว)

เหมือนแกงจืดถ้วยนี้
นิพพาน คือ ความว่าง เปรียบเหมือนถ้วย
(อสังขตธรรม)

สังสารวัฎ คือทั้งหมดที่เราปรุงแต่งกันจากจิตตสังขาร 
เปรียบเหมือน หมูสับ เต้าหู้ สาหร่าย มันอยูในถ้วยทั้งหมด

บุญ บาป ดีชั่ว หญิง ชาย คนสัตว์ สูง ต่ำ 
เป็นเพียงนามเรียกขานสมมุติ
ก็เหมือนที่เราไปตั้งชื่อ หมูสับ สาหร่าย วุ้นเส้น 
อะไรเหล่านี้แหละ
แต่ทั้งสิ้นทั้งปวง ปนเปอยู่ในถ้วยทั้งหมด
พระพุทธองค์ตรัสว่า 
ทั้งหมด ในถ้วยนั้น เกิดจากมายาของจิต
(สังขตธรรม)
กระทบที ก็ปรุงตัวกูมาก่อน

กูเห็น กูได้ยิน กูรัก กูชัง 
แล้วเกิดการแบ่งแยก ตีค่า 
จนถึงตัณหา ดึงเข้า หรือผลักไส
กลายเป็นกรรมหรือการกระทำในที่สุด 
แล้วรับวิบากจากการกระทำนั้น

หากไม่มีการปรุง ถ้วยก็ว่างเปล่า 
นั่นคือจิตเดิมแท้

พระพุทธองค์ทรงสอนว่า 
จิตเดิมแท้ ประภัสสร 
แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสที่จรมา 

ดังนั้น ในแต่ละคืนละวัน 
มีบ่อยๆที่มนุษย์หยุดการปรุงแต่ง 
ให้ค่า และนั่งเล่น นอนเล่นในพระนิพพาน 
แต่ไม่รู้ตัว

แล้วที่ท่านบอกว่า 
กำลังแสวงหา เดินทาง เพื่อไปพระนิพพานนั้น

ยิ่งไม่ปรุงแต่งหมุนวน 
เละเทะ อยู่ในถ้วยหรอกหรือ

มีแต่การกระทำ..แต่ไม่มีผู้กระทำ
เป็นสภาวะที่ไร้การปรุงแต่งทั้งปวงไร้ผู้กระทำ

ไม่เจริญสมาธิ 
ไม่เจริญปัญญา ไม่เจริญอุเบกขา
ไม่มีการจดจ่อ ไม่ตามดูตามรู้กำหนดอะไร 

จิตจะว่างจากการเปลี่ยนแปลง 
ว่างจากทุกๆการปรุงแต่ง ที่เกิดจาก"เรา"อย่างสิ้นเชิง

จิตจึงพ้นไปจากสมมุติบัญญัติใดๆ 
แต่จะรู้แบบปรมัตถ์ คือรู้ๆๆๆๆไปเรื่อยๆอย่างอธิบายไม่ได้

...นี่ไม่ใช่การควบคุมจิต 
ไม่ดับ ไม่ข่ม ไม่หยุด 
ไม่พิจารณาทำความเข้าใจอะไรทั้งสิ้น

ไม่ว่าท่านจะปฎิบัติอะไรมามากมาย 
ก็มาจบที่สภาวะนี้

ในสมัยพุทธกาล 
พระพุทธองค์เคยสอนธรรมนี้
ให้ชายผู้หนึ่งที่มีภูมิธรรมสูงชื่อว่า
"พระพาหิยะ"

เห็นสักว่าเห็น
ได้ยินสักว่าได้ยิน
รู้ก็สักว่ารู้
รู้แจ้งก็สักว่ารู้แจ้ง
สักแต่ว่าความหมายไป
ไม่มีตัวตนไปปรุงต่อ
"เมื่อเธอไม่มี โลกนี้ โลกหน้า ระหว่าง2โลกไม่มี"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์