วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

เมื่อถึงกึ่งพุทธกาล (ช่วง พ.ศ. 2,500) พรหม เทพ เทวดา อาสาลงจุติ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
เมื่อถึงกึ่งพุทธกาล (ช่วง พ.ศ. 2,500) 
พรหม เทพ เทวดา อาสาลงจุติ
 เทวสภา 
อันเป็นที่ประชุมของเหล่าเทพพรหมทั้งหลาย 
ครั้งเมื่อถึงวันพระใหญ่ 15 ค่ำ 
องค์พระอินทร์จะได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานในที่ประชุม 
เพื่อแจ้งข่าวการทำบุญ
ของเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในชมพูทวีป
ครั้งนั้นเป็นเวลาเกือบกึ่งพุทธกาลแล้ว 
โลกธาตุทั้งหลายมีความวุ่นวาย
เพราะสรรพสัตว์หมกมุ่นในการทำบาปกรรม
แลกิเลสตัณหาทั้งปวง 
องค์สมเด็จพระอัมรินทราธิราช 
ทรงตรัสขึ้นว่า
ในเวลานี้ 
เหล่าพระมหาโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย 
ต่างเร่งรุดลงจุติยังโลกมนุษย์ 
เพื่อช่วยดับทุกเข็ญ 
และความเร่าร้อนแห่งบาปกรรมตัณหาทั้งหลายที่ทวีตัวขึ้นนี้ 
แต่ละพระองค์ต่างตั้งปณิธานในการสร้างบารมี
และช่วยสืบสานต่อให้พระพุทธศาสนา
ขององค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า 
คงอยู่ครบถ้วน 5,000 ปี 
บัดนี้ถึงเวลาของเหล่าเทพพรหมทั้งหลาย
ผู้ได้เสวยสุขในสรวงสวรรค์แห่งนี้แล้ว
ที่จักได้กระทำกิจอันทำได้ยาก 
คือการละความสุขปัจจุบัน
เพื่อประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่สืบต่อไป
เราจักขอเชิญชวน
เหล่าท่านเทพและพรหมทั้งหลาย 
ได้อาสาจุติลงยังมนุษยโลก
เพื่อประกอบกิจอันยิ่งใหญ่
เพื่อธำรงพระพุทธศาสนาให้เข้มแข็ง
และเพื่อช่วยส่งเสริมเหล่าพระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย
ให้ได้สร้างบารมีจนสำเร็จ 
แต่กิจครั้งนี้ท่านทั้งหลายต้องมีความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ 
เพราะเมื่อท่านจุติลงแล้ว 
เทพฤทธิ์ทั้งหลายก็หมดสิ้น 
ความทรงจำทั้งปวงเป็นศูนย์ 
ทั้งต้องลงไปเพื่อเสี่ยงบารมี
ในการต่อสู้กับกิเลสและเหล่ามารทั้งหลาย
ที่จะหลอกล่อท่านไปในทางมืดดำ
อันจะทำให้ท่านสิ้นสุขไปอีกนานทีเดียว 
ที่สำคัญ 
ท่านต้องไปเสวยทั้งบุญและบาปอันทำมาแล้ว
ในภพน้อยใหญ่ทั้งหลาย 
แต่ในความเสี่ยงนี้ท่านก็ยังมีโอกาส
ในการประกอบกุศลกิจ บำเพ็ญบารมี 
อันจักนำท่านกลับคืนสู่สถานสุขแห่งนี้ 
หรือสูงยิ่งขึ้นไป 
บัดนี้ขอท่านทั้งหลายได้ตึกตรองกันดูเถิด
ทันทีที่พระองค์ตรัสจบลง
 ก็ต่างมีเทพพรหมมากมายอาสาลงจุติ
เพื่อประกอบกิจอันสำคัญนี้ในทันที 
บางพระองค์ก็นำข่าวนี้ไปแจ้งแก่เหล่าเทพบริวาร 
แล้วก็มีผู้อาสาลงจุติอีกเป็นจำนวนมาก 
ส่วนท่านที่ไม่ได้ลงจุติ 
แต่มีความเกี่ยวพันกัน
ด้วยความเป็นพ่อแม่ ครูอาจารย์ พี่น้อง 
ต่างก็ช่วยกันดูแลผู้ลงจุติ เพื่อให้ทำกิจนี้ให้สำเร็จ 
คอยตักเตือนกันในรูปแบบต่างๆ 
ทั้งคอยชักจูงกัลยาณมิตร
ให้มาชวนกันกระทำความดี ละความชั่ว 
คอยผลักเดินให้อยู่ในหนทางการรักษาพระพุทธศาสนา 
ที่สำคัญคือช่วยส่งเสริม ปกป้อง 
เสริมกำลังใจ ให้พระมหาโพธิสัตว์
ท่านบำเพ็ญบารมีได้สูงสุด 
แต่บางท่านอาจจะเกินวาระกรรม
โดนชักจูงสู่หนทางแห่งมารแล้ว
ตกลงสู่อบายไปอย่างน่าเสียดาย

ใครมีหน้าที่
ถึงเวลาทำหน้าที่ ที่เคยตั้งสัจจะอธิษฐาน ไว้นะ
ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้
เมื่อถึงกาลเวลาในเเต่ละหน้าที่
แต่ละความตั้งมั่น
แต่ละความปรารถนา
ที่เป็น..สัมมาทิฐิด้วยเทอญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์