วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560

แต่ที่สุดของที่สุดนั้นพุทธะกับมารคือสื่งเดียวกัน

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

แม้ว่าเราจะเคยทำดีหรือไม่ดีมาก่อน

กรรมมันก็เกิดและดับแล้ว
มหาโจรทิ้งดาบ ยังเป็นพระอรหันต์ได้
"โอกาสของพรหมจรรย์หรืออริยมรรคนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ 
เกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต"
ถ้าเข้าใจถูกต้อง ใจก็เป็นปกติ
เพราะจริงๆ เราก็ไม่เลวอะไรมาก 
ไม่ได้เลวตลอดเวลา นานๆ เลวที

เพียงแต่แก้ไขด้วยการสำรวมระวังต่อไป
ทีนี้..
บางคนคิดว่าตัวเองเลวเหลือเกิน 
มันเลวเพราะมีมิจฉาทิฐิ

ไม่ใช่เลวเพราะทำเลว 
แต่เลวเพราะความเห็นผิด 
ความเห็นผิดนี้ คือย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละ

พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ชนทั้งหลายที่ยังไม่รู้จัก ปฎิจสมุปบาท 
เขายังยุ่งเหยิงเหมือนด้ายของช่างหูก 
เป็นกระจุกเหมือนกระจุกด้ายวนเวียนอยู่อย่างนั้นแหละ

ไม่อาจพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฎนี้ไปได้"
ที่เขาไปอบาย 
ไม่ใช่ไปเพราะทำผิดรุนแรงมากมาย
แต่ที่ต้องตกอบายไปเกิดอย่างนั้นอยู่เรื่อยไป
เพราะมีความเห็นผิดๆ
(ย้ำคิด ย้ำความผิดเก่าๆไปตอกย้ำตนเอง)
แต่เมื่อใดมีความเห็นถูกต้องแล้ว 
เป็นสัมมาทิฐิ เขาย่อมไม่ต้องไปอบาย
สัมมาทิฐิก็คือ รู้ความจริง
หากรู้ว่า หากคิดว่า" ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"
การประพฤติพรหมจรรย์ก็มีไม่ได้

"เพราะต้องมีตัวตนไปคอยรับผลดีผลชั่วนั้นตลอด"
มันก็ไม่มีทางหมด ไม่มีทางสิ้นสุด ไม่มีทางจบสิ้น
สุดท้ายก็ออกจากวงจรโลกไม่ได้
ทำให้สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้ดีแล้ว 
เพื่อสิ้นทุกข์ เพื่อสิ้นกรรม จึงถูกปฎิเสธไป
ดังนั้น...
จงอยู่กับจิตปัจจุบันที่บริสุทธิ์
ด้วยปัญญากันเถิด
มีกู....มีกรรม
หมดกู.....หมดกรรม

เมื่อเราเป็นผู้สำนึกที่แท้จริงแล้ว 
เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวิบากกรรมใดๆ อีกต่อไป

เมื่อเราใจบริสุทธ์เสียแล้ว 
การชดใช้กรรมนั้นมันก็ยุติสำหรับเราทันที

จะมีเหลือก็แต่ 
การอนิจจังของรูปธาตุและนามธาตุเท่านั้น
แต่หาใช่เกิดมาจากการชดใช้โดยมีความเป็น"เรา"ไม่
"กรรมจะหมดทันที เมื่อหมดความเป็นตัวตน ตัวกูของกู
แม้เป็นโรคร้าย ต้องตาย ก็จะไม่ใช่กรรม
ด้วย........
จิตจะพลิกมองว่า มันเป็นแค่ธาตุธรรมชาติ 
เสื่อมดับตามเหตุปัจจัย เท่านั้น

ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือเสวยผลเหล่านั้นเลย"
...................................
พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์
ท่านไม่เคยแบ่งแยกคนดีไม่ดี
มิใช่ว่า....
คนดี...ท่านช่วย
คนไม่ดี...ท่านไม่ช่วย

ท่านช่วยทุกคน 
เพื่อพลิกจิตปัจจุบันเขา เข้าสู่เส้นทางแห่งพุทธะ
ด้วยเหตุนี้การพลิกจิตมาร 
จึงเป็นงานสำคัญของผู้บำเพ็ญโพธิสัตว์
#แต่ที่สุดของที่สุดนั้นพุทธะกับมารคือสื่งเดียวกัน
#อาม่า#พระเชนเรซิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์