วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

#เริ่มสอนโพธิสัตวะจริยาวันแรก#

ในภาพอาจจะมี 1 คน

  • หลังจากเตรียมความพร้อมให้ธรรมปัญญาลูกๆมาเกือบปี และนำสร้างมหาบารมีทาน ทั้งภาคทิพย์ภาคหยาบ #จนเห็นอธิวาสนาและบารมีของลูกๆหลายคนที่แข็งแกร่งขึ้น
  • วันนี้ ได้อธิษฐานจิต ขอถ่ายทอดสอน"วิชาพระโพธิสัตว์"ให้กับลูกๆบ้านโพธิญาน เพื่อเป็นกำลังในการช่วยโปรดเวไนยต่อไป
  • #ซึ่งในอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์พยากรณ์สูตรนั้น 
  • #พระสุวรรณประภาสสิงหะกรีฑาพุทธเจ้าได้ตรัสว่า....
  • "การสามารถทำให้สรรพสัตว์พบโพธิจิตได้ คือการบูชาพระพุทธเจ้าสูงสุด
  • แม้จะใช้สิ่งของอันปราณีตบูชา ก็ไม่ประเสริฐเท่าการเกิดจิตเมตตากรุณาแล้วอุทิศ เพื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า
  • บุญกุศลที่ได้รับจากพุทธบูชานี้ ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ ไม่อาจนับคำนวนและไม่สามารถใช้คำใดมาพรรณาได้เลย
  • เพราะคุณประโยชน์แห่งโพธิจิตนี้จะนำไปสู่ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน"
  • ดังนั้น...ข้าพเจ้า จะขอประกาศต่อพุทธานุภาพที่มีทั่วจักรวาลอวกาศดั่งนี้ว่า
  • หากข้าพเจ้าท้อถอยในปนิธาน และการช่วยเหลือสรรพสัตว์ นั่นเท่ากับหลอกลวงพระพุทธเจ้าทั้งสิบทิศ
  • หากข้าพเจ้า มีโลภ มีโกรธ มีหลง นั่นเท่ากับหลอกลวงพระพุทธเจ้า ที่ข้าพเจ้าเคารพบูชา
  • และข้าพเจ้าจะไม่ขอหลุดพ้นเฉพาะตนเป็นพระอรหันต์สาวก
  • ข้าพเจ้าจะโปรดสรรพสัตว์ไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณ
  • ขอแรงอธิษฐานแห่งสัจจะบารมีนี้ ทำให้ข้าพเจ้าสามารถสั่งสอน "วิชาพระโพธิสัตว์" ได้สำเร็จ
  • จน สร้างพระโพธิสัตว์ให้เป็นอนันตประทีป
  • และปลุกโพธิจิตให้กับสรรพชีวิตในโลกธาตุนี้ อย่างไม่มีประมาณด้วยเทอญ
  • #โพธิสัตวะจริยาสัจจะบารมีอธิษฐานบารมีแห่งข้า#
  • อาม่า....พระเชนเรซิก

วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560

แต่ที่สุดของที่สุดนั้นพุทธะกับมารคือสื่งเดียวกัน

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

แม้ว่าเราจะเคยทำดีหรือไม่ดีมาก่อน

กรรมมันก็เกิดและดับแล้ว
มหาโจรทิ้งดาบ ยังเป็นพระอรหันต์ได้
"โอกาสของพรหมจรรย์หรืออริยมรรคนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ 
เกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต"
ถ้าเข้าใจถูกต้อง ใจก็เป็นปกติ
เพราะจริงๆ เราก็ไม่เลวอะไรมาก 
ไม่ได้เลวตลอดเวลา นานๆ เลวที

เพียงแต่แก้ไขด้วยการสำรวมระวังต่อไป
ทีนี้..
บางคนคิดว่าตัวเองเลวเหลือเกิน 
มันเลวเพราะมีมิจฉาทิฐิ

ไม่ใช่เลวเพราะทำเลว 
แต่เลวเพราะความเห็นผิด 
ความเห็นผิดนี้ คือย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละ

พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ชนทั้งหลายที่ยังไม่รู้จัก ปฎิจสมุปบาท 
เขายังยุ่งเหยิงเหมือนด้ายของช่างหูก 
เป็นกระจุกเหมือนกระจุกด้ายวนเวียนอยู่อย่างนั้นแหละ

ไม่อาจพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฎนี้ไปได้"
ที่เขาไปอบาย 
ไม่ใช่ไปเพราะทำผิดรุนแรงมากมาย
แต่ที่ต้องตกอบายไปเกิดอย่างนั้นอยู่เรื่อยไป
เพราะมีความเห็นผิดๆ
(ย้ำคิด ย้ำความผิดเก่าๆไปตอกย้ำตนเอง)
แต่เมื่อใดมีความเห็นถูกต้องแล้ว 
เป็นสัมมาทิฐิ เขาย่อมไม่ต้องไปอบาย
สัมมาทิฐิก็คือ รู้ความจริง
หากรู้ว่า หากคิดว่า" ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"
การประพฤติพรหมจรรย์ก็มีไม่ได้

"เพราะต้องมีตัวตนไปคอยรับผลดีผลชั่วนั้นตลอด"
มันก็ไม่มีทางหมด ไม่มีทางสิ้นสุด ไม่มีทางจบสิ้น
สุดท้ายก็ออกจากวงจรโลกไม่ได้
ทำให้สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้ดีแล้ว 
เพื่อสิ้นทุกข์ เพื่อสิ้นกรรม จึงถูกปฎิเสธไป
ดังนั้น...
จงอยู่กับจิตปัจจุบันที่บริสุทธิ์
ด้วยปัญญากันเถิด
มีกู....มีกรรม
หมดกู.....หมดกรรม

เมื่อเราเป็นผู้สำนึกที่แท้จริงแล้ว 
เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวิบากกรรมใดๆ อีกต่อไป

เมื่อเราใจบริสุทธ์เสียแล้ว 
การชดใช้กรรมนั้นมันก็ยุติสำหรับเราทันที

จะมีเหลือก็แต่ 
การอนิจจังของรูปธาตุและนามธาตุเท่านั้น
แต่หาใช่เกิดมาจากการชดใช้โดยมีความเป็น"เรา"ไม่
"กรรมจะหมดทันที เมื่อหมดความเป็นตัวตน ตัวกูของกู
แม้เป็นโรคร้าย ต้องตาย ก็จะไม่ใช่กรรม
ด้วย........
จิตจะพลิกมองว่า มันเป็นแค่ธาตุธรรมชาติ 
เสื่อมดับตามเหตุปัจจัย เท่านั้น

ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือเสวยผลเหล่านั้นเลย"
...................................
พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์
ท่านไม่เคยแบ่งแยกคนดีไม่ดี
มิใช่ว่า....
คนดี...ท่านช่วย
คนไม่ดี...ท่านไม่ช่วย

ท่านช่วยทุกคน 
เพื่อพลิกจิตปัจจุบันเขา เข้าสู่เส้นทางแห่งพุทธะ
ด้วยเหตุนี้การพลิกจิตมาร 
จึงเป็นงานสำคัญของผู้บำเพ็ญโพธิสัตว์
#แต่ที่สุดของที่สุดนั้นพุทธะกับมารคือสื่งเดียวกัน
#อาม่า#พระเชนเรซิก

คอร์สเรียนพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลพระอมิตภะ และคัมภีร์มรณะศาสตร์ทิเบต วิชาทองเลน


ใครที่คิดว่า 
จะลงคอร์สเรียนพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลพระอมิตภะ 
และคัมภีร์มรณะศาสตร์ทิเบต วิชาทองเลน 
เพื่อเป็นนกอินทรี 
บินข้ามผ่านตัวตน ออกโปรดเวไนยร่วมกับอาม่า
ให้ดูวิดีโอนี้ก่อน
เพื่อจะได้รู้จักวิถีปนิธานความเป็นโพธิสัตว์ที่แท้จริง
และจะได้ผ่านการคัดเลือกเมื่ออาม่าคัดกรอง
ว่า
จะยังเป็นนกกระจอก 
หรือนกอินทรีพร้อมที่จะเรียน
เพื่อประโยชน์แห่งเวไนยสัตว์ได้จริงหรือเปล่า

วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560

ไม่ใช่ร่างทรง ไม่ใช่ทางผ่าน แต่เป็นเนื้อหาเดียวกัน

ในภาพอาจจะมี 1 คน, เมฆ และ ท้องฟ้า

ไม่ใช่ร่างทรง ไม่ใช่ทางผ่าน 
แต่เป็นเนื้อหาเดียวกัน

ด้วยพระองค์ท่าน มาจาก มหาสุญญตา 
นอกเหนือการไป การมา 
และการมีอยู่ ไม่มีอยู่

พระองค์เป็นเนื้อหาเดียวกัน 
กับทุกสรรพสิ่ง
ร่างทรง ทางผ่าน อาจมีทั่วโลก
แต่ผู้รับอานุภาพ ต้องตายแล้วเท่านั้น
คือตายจาก ความ"เป็น อยู่ คือ"ทั้งหมด
ตายจากความเป็นหญิง-ชาย 
นักบวช ฆราวาส
ตายจากสมมุติโลกใดๆ

ข้ามผ่านธาตุบริสุทธิ์ทั้งปวง
ดังนั้น 
ผู้รับอานุภาพการโปรด จึงต้องแจ้งสุญญตาธรรม
เพื่อเป็นเนื้อหาเดียวกัน
กิจที่ต้องทำ จะมาพร้อม วิธี และกำลัง เมื่อมีเหต
เมือหมดเหตุ ทุกอย่างก็จะกลับกลายเป็นธรรมชาติ ที่มีเดิมๆ

อานุภาพการปลดปล่อย ญาน ฌาน 
จึงเป็นแค่ของอุปโหลกสมมุติ
ที่แค่ใช้งานเป็นครั้งๆไปตามเหตุปัจจัย
แต่....ไม่ใช่ของใคร
ไม่ใช่ของท่าน ไม่ใช่ของเรา 
เพราะมาจากความว่างเหมือนกันหมด

ตายจาก ความมี ความเป็น ก็กลายเป็นสิ่งเดียวกัน
เพราะแท้ที่จริง....
พระองค์ท่าน คือเนื้อหาเดียวกัน กับทุกสรรพสิ่ง
นั้นคือ"มหาสุญญตา"
#โอม มณี ปัทเม หุม#

#กำหนดการภารกิจที่เหลือของปีนี้ **เสฉวน-ทิเบต

ในภาพอาจจะมี ท้องฟ้า, เมฆ และ สถานที่กลางแจ้ง

จริงๆแล้ว ภาวะ เนกขัมมะ คือการกลับเข้ามาดูภายในแห่งตน แล้วเกิดความเข้าใจจนรู้จักปล่อยวาง

ในภาพอาจจะมี 1 คน


คำว่า"เนกขัมมะ"นะ ลูก
คนทั่วไปมักแปลว่าหมายถึงการออกบวช 
การใส่ชุดขาว การไปนั่งสมาธิ

จริงๆแล้ว ภาวะ เนกขัมมะ 
คือการกลับเข้ามาดูภายในแห่งตน

แล้วเกิดความเข้าใจจนรู้จักปล่อยวาง
สามารถปลีกตนออกจากสิ่งที่เคยยึดติด คืออุปาทาน
เพราะถ้าเรารู้จักตนเองอย่างถึงที่สุดแล้ว 
เราจะเป็นอิสระจากความรักและความชัง

การบวชจึงไม่ใช่การเปลี่ยนรูปลักษณะภายนอกมาสู่ผู้ทรงศีล
การบวช จึงมิใช่การทิ้งบ้านเรือนไปสู่ป่า

เนกขัมมะ คือภาวะที่หลุดพ้นจากสิ่งล่อลวง มายา 
และความยินดีในโลก
.....การเป็นนักบวช 
จึงมิใช่เครื่องแบบ และสถานที่อาศัย
.....การเป็นนักบวช อยู่ที่ใจ

และ วันใด ที่ลูก ก้าวพ้น ทั้งจาก
"ผู้ทุศีลและผู้ทรงศีล"
ไม่ติดข้องทั้งสองฝั่ง

ลูกก็จะพบความสว่างแห่งปัญญาอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุนี้ อาม่าจึงสอนลูกๆเสมอว่า 
ให้ทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้องตามเหตุปัจจัย
สงบ...ท่ามกลางความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
นี่แหละลูก คือยอดคน

เพราะการทำหน้าที่ที่ถูกต้อง 
จะเอื้อ ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ต่ออื่น 
อย่างแท้จริง
นิพพานบนดินนะ ลูก
นิพพานท่ามกลางสังสารวัฏ

วันจันทร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2560

และเพราะสุญญตาธรรมก็ยังมิใช่ธรรมสูงสุด "อั้วะ!!!จึงต้องกลับมา

ในภาพอาจจะมี 1 คน

และเพราะสุญญตาธรรมก็ยังมิใช่ธรรมสูงสุด
"อั้วะ!!!จึงต้องกลับมา 

กลับมาเพื่อรวบรวมลูกหลาน
ที่กระจัดกระจายพลัดหลง 
ให้กลับบ้านแห่งจิตวิญญานทั้งหมด"
เมื่อสรรพสัตว์ล้วนไม่หลุดพ้นจากภูมิทั้ง3 
คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย 
ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นทั้งสิ้น
พระโพธิสัตว์จึงต้องโปรดด้วยการอนุโลม
ไม่ปฎิเสธสมมุติบัญญัติในธรรมใดๆ
หากพบผู้ป่วยไข้ เราต้องเป็นโอสถ
หากพบคนหลงเราต้องชี้ทางที่ถูกต้อง


หากไปในสังสารวัฏอันมืดมิดเราต้องเป็นแสงสว่าง
ขาดขาดแคลนทรัพย์เราต้องเป็นเพชรจินดา
หากขาดแคลนธรรมเราจะเป็นผู้ป้อนธรรม
การอนุโลมนี้ 
เปรียบเราเป็นน้ำที่รูปร่างต้องอนุโลม
ดั่งภาชนะ แก้ว ขัน จาน ถ้วย
รู้ไว้เถิดว่า 
ทุกจริยาวัตรโพธิสัตว์ที่อนุโลมสัตว์
ด้วยมุ่งหวังโปรดสรรพสัตว์
บำเพ็ญธรรมสู่สภาวะเดิมแท้นั้น
คือการถวายความเคารพพระพุทธเจ้าทั้งปวงอย่างสูงสุด
มหาปนิธานของพระโพธิสัตว์ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ
หากการโปรดนั้น เป็นไปเพื่อ ปลุกโพธิจิต

ในภาพอาจจะมี 2 คน, สถานที่ในร่ม
นับตั้งแต่
เธอตั้งจิตปรารถนาอันแน่วแน่

ที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์
อันไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ให้หลุดพ้น
กระแสแห่งบุญกุศลอันกว้างใหญ่ดุจท้องฟ้า
ย่อมไหลรินสู่เธออย่างไม่ขาดสาย
แม้ยามเมื่อเธอหลับ หรือยามเธอหวั่นไหว
~ โพธิจรรยาอวตาร, ศานติเทวะ

วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

รางวัลพระโพธิสัตว์ คือสรรพสัตว์เป็นสุข

ในภาพอาจจะมี 2 คน, หมวก และ ข้อความ


  • ตั้งใจว่าจะถนอมธาตุขันธ์ ถนอมจิต งดภารกิจ งดเดินทาง เพื่อเตรียมตัวไปแสวงบุญและขนรื้อภพภูมิ กรุงลาซา ทิเบต เดือนตุลาคมนี้
  • แต่ด้วยโพธิจิต ที่ไม่สามารถทอดทิ้งเวไนยได้ ก้ยังต้องใช้กำลังแห่งจิต รักษาคนป่วยทุกวัน
  • รายล่าสุด หมอบอกญาติว่าถ้าผู้ป่วยอ่อนแรงมาก จะต้องเจาะคอ ใส่ท่อช่วยหายใจ อาม่าบอกญาติว่าขออาม่ารักษาก่อน อย่าเพิ่งใส่ท่อ
  • รื้อวิบากกรรมดู คนป่วยเป็นนักรบเก่า ทหารมากมายแทรกอยู่ในร่าง อาม่าจึงแนะนำวิธีญาติ ยุติกรรม และปลดปล่อย เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้น
  • ถอดจิตไป ยืนหัวเตียง ท่องอักขระ คว่ำฝ่ามือแล้วบอกว่า "เธอจงกลับมามีสติเถิด"
  • ได้รับข่าวดีว่า อาการดีขึ้นมาก หลับตาได้ หลังจากตาค้างมา2วัน และเริ่มมีสติขยับแขนขาได้
  • ก็แค่นี้เอง แค่...ปิติ
  • รางวัลพระโพธิสัตว์ คือสรรพสัตว์เป็นสุข
  • สำหรับพระโพธิสัตว์ ไม่มีสิ่งใดที่เทิดทูนเหนือไปกว่า"สรรพชีวิต" เพราะสรรพชีวิตคือ ปนิธาน

#อาม่า#พระเชนเรซิก

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



หลายคนไม่รู้คุณค่าของความเมตตา ว่าสามารถนำไปสู่การเป็น"อริยบุคคล"ได้

ในภาพอาจจะมี 3 คน, ผู้คนกำลังยืน และ เด็ก

ในภาพอาจจะมี 10 คน, ฝูงชน และ สถานที่กลางแจ้ง

ในภาพอาจจะมี 4 คน, ผู้คนกำลังยืน, เด็ก และ สถานที่กลางแจ้ง

ในภาพอาจจะมี 7 คน, สถานที่กลางแจ้ง

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ฝูงชน



หลายคนไม่รู้คุณค่าของความเมตตา
ว่าสามารถนำไปสู่การเป็น"อริยบุคคล"ได้
ดังคำกล่าวที่ว่า.....
ด้วย"โพธิจิต"นั้นมีคุณอนันต์ 
นำไปสู่การหลุดพ้นในที่สุด
ความเมตตานั้น 
จะข้ามผ่านการคิดถึงตนเอง 
นำมาซึ่งความเบิกบาน
ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิด"ปิติปัทสัทธิ"
บันไดแห่งการบรรลุมรรคผลนิพพาน
ความสุขจากการให้จะเพิ่มพูน
โดยไม่ต้องยึดโยงกับวัตถุจอมปลอมใดๆเลย
เพราะจิตจะถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์
อย่างไม่มีประมาณ
ความเมตตาจะช่วยให้บรรลุธรรมได้ง่าย 
นำไปสู่จิตอริยะบุคคลในขั้นต่างๆ
ผู้ที่ไร้ความเมตตา
จะไม่มีโอกาสเข้าถึงสัจจะความจริงได้เลย
คำว่าความเมตตาทำให้บรรลุธรรม 
ฟังดูเหมือนมันง่ายเกินไปหรือเปล่า
????

แต่ผู้ที่ผ่านจุดแห่งความเมตตาอันไม่มีประมาณ
จะรู้ว่าผลแห่งความเมตตานั้น
ท่านจะเกิดใหม่โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับความตาย
ท่านจะกลายเป็นผู้ไม่รู้จักความทุกข์
และจะเป็นผู้เข้าถึงความสุข 
ทั้งยามหลับหรือตื่น
เทพ เทวดา พรหมทั้งหลาย 
ยังให้ความเคารพ ด้วยจิตอันงดงามนี้
ที่อยู่เหนือถ้อยคำ วาจา หรือบทกวีบทใดจะเอื้อนเอ่ย

ในภาพอาจจะมี 1 คน
พุทธธรรม นั้นเป็นหนึ่ง 
คือวิมุติหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง

แต่พุทธธรรมนั้นยังแยกออกเป็นสอง คือ


1.เพื่อตน
2.เพื่อตน และเพื่อ ผู้อื่นด้วย

การบูชาพระพุทธเจ้าสูงสุด 
คือการทำให้สรรพสัตว์ พบกับ"โพธิจิต"

ด้วยโพธิจิตนั้นมีคุณอนันต์ 
นำไปสู่การหลุดพ้นในที่สุด

ขอนอบน้อม 
แด่ ท่านพุทธทาสภิกขุ 
ปฐมบรมครู แห่งข้าพเจ้า

ขอนอบน้อม 
แด่ พระอารยะอวโลกิเตศวร มหาสัตว์ มหาโพธิสัตว์ 
ที่ทำให้ข้าพเจ้ามีวันนี้

วันที่พบ"พุทธธรรม"อย่างสมบูรณ์

วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560

อย่าร้องไห้เลย...ลูกรัก อ้อมอกของอาม่าจะรอเจ้าเสมอ

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังนั่ง

ในภาพอาจจะมี 2 คน

  • อย่าร้องไห้เลย...ลูกรัก
  • อ้อมอกของอาม่าจะรอเจ้าเสมอ
  • สองมือของอาม่าจะเช็ดน้ำตาแห่งความสับสนในใจของเจ้า
  • ลูกรัก...ความอ้างว้างภายในที่เจ้าว้าเหว่
  • เกิดจากจิตใต้สำนึกต้องการค้นหาคุณค่าของตนเอง
  • แค่ลูกช่วยลูกหมาตกน้ำ 
  • ให้เงินขอทาน20บาท
  • ช่วยคนอ่อนแอข้ามถนน 
  • ล้างห้องน้ำวัด แบ่งปันอาหาร 
  • ดูแลผู้อื่นเล็กๆน้อยๆ
  • ลูกก็บอกตัวเองได้แล้วว่า 
  • ลูกดี-ลูกเก่งเก่ง-ลูกมีประโยชน์
  • ทำดีบ่อยๆ บอกตัวเองซ้ำๆจิตลูกจะมั่นคง
  • #คนที่มองเห็นความมีค่าของตนเองได้
  • #จะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเอง
  • เพราะจริงๆความสุขของมนุษย์เกิดขึ้นได้
  • เมื่อมองเห็น"ตัวเองมีค่า"
  • สิ่งนี้สำคัญที่สุด!!!
  • มันไม่ได้อยู่ที่เงินทองชื่อเสียงเกียรติยศ 
  • หรือมีคนมารัก มาชอบเลย
  • นั้นคือเหตุผลว่าทำไม
  • คนเฒ่าคนแก่ ที่ปลดเกษียน ได้เลี้ยงหลาน 
  • ทำงานบ้านเล็กๆน้อย หรือได้ทำงานจิตอาสา
  • ได้มาพับถุง มาช่วยงานมูลนิธิ มาช่วยงานวัด งานโรงเจ
  • คนเหล่านั้นจึงมีความสุข สดชื่นขึ้น
  • การมีชีวิตอยู่ แล้วอยู่อย่างเห็น"ความมีค่า"ของตนเอง
  • จะทำให้ให้เรารักตัวเองและภูมิใจในตัวเองได้
  • ความรู้สึกนี้ จะตกผลึกในระดับจิตใต้สำนึก
  • แล้วมันจะดึงดูด สิ่งดีๆ ที่มีค่าเข้ามาในชีวิตมากมาย
  • ทั้งความโชคดี ความรัก เงินทองและความสุขต่างๆเข้ามา
  • ตามกฎแห่งแรงดึงดูด(ตาข่ายพระอินทร์)
  • "ความรักนั้นจะไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าไม่รู้จักแบ่งปัน"นะ ลูก
  • #และอาม่าสัญญาว่า#จะนำพาลูกๆเดินบนเส้นทางแห่งการแบ่งปันจนเติมเต็มปนิธานและจิตวิญญานส่วนลึกของลูก
  • #จนกว่าอาม่าหมดแรงที่จะเดิน#
  • #อาม่า...พระเชนเรซิก#

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังนั่ง
ในภาพอาจจะมี 1 คน

#จงอย่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่ร้าวด้วยหลงลืมปนิธาน#

น้ำหมดทะเลก็ไม่สามารถทำให้เรือจม

เว้นแต่ว่า มันเข้าไปในเรือ

เช่นเดียวกัน
สิ่งร้าย ๆในโลก 

ก็ไม่สามารถทำให้ลูกพ่ายแพ้

เว้นแต่ว่า 

ลูกยินยอมให้มันเข้ามาในตัวลูก

ขอทุกๆวัน 

จงเป็นวันที่ลูกๆของอาม่าสมบูรณ์พูนสุข 
พร้อมกับความเข้มแข็ง 
ที่จะเป็นแสงสว่างให้กับทั้งตนเองและผู้อื่น

อนันตประทีปของอาม่า
อนันตประทีปของเวไนย
อนันตประทีป...ของสังสารวัฎ

#อาม่า#พระเชนเรซิก

วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

ความหมายของคำว่าปฎิบัติธรรม




การปฎิบัติธรรมนั้น 
แท้จริง ไม่มีอะไรมาก
มันเป็นแค่การทำให้เรารู้จัก
สิ่งทั้งปวงตามความเป็นจริง
จนไม่ยึดมั่นถือมั่น
ก็แค่นั้นเอง


แต่...
การที่เราจะไม่ยึดมั่นถือมั่น
หลงไหลสิ่งใดนั้น 
เราต้องผ่านสิ่งนั้นมาก่อน
เราจะไม่ยึดมั่นโลก 
เราก็ต้องผ่านโลกมาก่อน

การผ่านโลก 
สำหรับคนธรรมดาแล้ว 
ไม่มีอะไรดีไปกว่า
ศึกษาชีวิตตนเองไปเรื่อยๆ นั้นเอง

การนั่งหลับหูหลับตา 
ในป่าในเขา 
ดูอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 
เป็นเรื่องเล่นละครทั้งสิ้น

แต่การศึกษาชีวิตจริง ว่า
ตอนเด็กๆเป็นอย่างไร 
หนุ่มสาวเป็นอย่างไร 

การงาน ความบีบคั้น 
ความสมหวัง ความผิดหวัง 
การเกิด-ดับ ของทุกสิ่งทีผ่าน
ความเจ็บความชรา 
ความทุกข์
จากการเป็นพ่อแม่ สามี ภรรยา สนุกไหม

การเห็นชีวิตนั่นแหละ...เห็นธรรมะ
เมื่อเห็นจนถึงที่สุด 
ก็เบื่อหน่ายคลายความกำหนัด

จิตก็จะถูกยกขึ้นเหนือโลก 
ไม่เป็นทาสอารมณ์ 
เป็นทาสของโลกอีกต่อไป

นี่แหละ..
คือความหมายของคำว่าปฎิบัติธรรม

#อาม่า#พระเชนเรซิก

การกระทำใดๆของตถาคต มาจากธรรมชาติเดิมแท้เท่านั้น

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

"เธอจงเป็นผู้มีสติและสัมปัญชญะ 
หักเอาอภิชฌา(ความสุข-ยินดี)
และโทมนัส(ความเศร้าโศกเสียใจ)
ในโลกออกเสียได้

นี่...คือ อนุสาสนีจากเรา แด่พวกเธอทั้งหลาย"
แน่นอน!!!!โลกใบนี้ มีคนรัก ก็ต้องมีคนชัง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า...
"ใครบางคนอาจโยนคบไฟทิ้งลงแม่น้ำได้

และมันยังลุกเป็นไฟ จนกว่าร่วงลงสู่แม่น้ำ
และเมื่อมันร่วงลงสู่แม่น้ำ ไฟทั้งหมดจะดับลง
เพราะแม่น้ำดับความร้อนของมัน
ตถาคตได้กลายเป็นแม่น้ำแล้ว
หากท่านโยนคำหยาบหยามใส่ตถาคต
มันเป็นไฟเพียงขณะที่ท่านโยนมา
แต่เมื่อมันมาถึงตถาคต 
ด้วยความเย็นในตัวตถาคต

ไฟก็ดับลงและทำร้ายใครไม่ได้อีก
แม้ท่านโยนหนามแหลมคมมาให้ตถาคต
มันจะร่วงลงสู่ความสงบในกายตถาคต 
แล้วกลายเป็นดอกไม้ที่งดงาม
การกระทำใดๆของตถาคต 
มาจากธรรมชาติเดิมแท้เท่านั้น"
****เมื่อใครบางคนสบประมาทลูก 
หากลูกเป็นเครื่องรับย่อมตอบโต้เขา

แต่หากลูกไม่รับและ...ไม่ยึดติด
หากลูกรักษาความสงบ และความว่างในจิตใจลูกได้
เขาเหล่านั้น จะทำอะไรลูกได้!!!!!
#อาม่า#พระเชนเรซิก

วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

#วันนี้เป็นวันครบรอบ1ปีของการพบกับลูกๆกลุ่มบ้านโพธิญาน#

ในภาพอาจจะมี 1 คน
เริ่มก่อตั้งกลุ่ม 1 ธันวาคม 2016
เวลาไม่ถึงปี
แต่พลังแห่งโพธิจิตที่มารวมกันนี้ 
ยิ่งใหญ่จนเทพหรือพรหมในโลกธาตุนี้ 
ยังสาธุการ และร่วมโปรด
อันได้แก่พระอสุรินทรา(ราหู)
และพระอนันตนาคราชสองมหาโพธิสัตว์
และองค์คุณอื่นๆ
และขอขอบคุณ 
กับพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์
ที่มาช่วยภารกิจทั้งรุ่นบุกเบิก และที่เข้ามาใหม่ๆ
ต่างโคจรมารวมกลุ่มกันได้ 
ด้วยแรงดึงดูดแห่งระดับ "คลื่นบารมี"
ที่ใกล้เคียงกัน กับโพธิจิตของอาม่า
ลูกๆได้เก็บคุณประโยชน์จากการมาสู่อ้อมอก
กับบ้านหลังใหญ่นี้มากมาย
ได้ปัญญาบารมีแห่งธรรมเป็นแสงสว่างมากขึ้น
ได้ทานบารมีอันยิ่งใหญ่ในการร่วมกิจกรรม 
ที่เป็นมหาทานทั้งต่อเวไนยและสรรพดวงจิต
ได้กัลยาณมิตรที่ระดับคลื่นบารมีใกล้เคียงกัน
และที่สำคัญ ได้ปลุก"โพธิจิต"
ให้ตื่นมาทำหน้าที่ ที่จะเป็นผู้มีคุณาปราการต่อสังสารวัฎ
เส้นทางแห่งโพธิสัตว์นั้น 
หยุดยั้งแค่เมตตา กรุณาในจิตตนไม่ได้
เพราะเราต้องสร้างภาวะแห่งการเป็นผู้นำ
ที่จะสร้างสรรค์สังคมพุทธ

ผู้นำที่จะชี้แนวทาง
ให้เขาเกิดความเมตตากรุณา ต่อๆกันไป 
เป็นแสงเทียน ที่เรียกว่าอนันตประทีป
ท่าทีของเราต้องเปิดกว้างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
*** เพราะงานของเราต้องยกระดับจิตมนุษย์
ให้สูงขึ้นด้วยพรหมวิหาร4

ดั่งจุดมุ่งหมายของกลุ่มโพธิญาน มี 3 อย่างคือ
      • 1.ยกระดับจิตวิญญานตนเอง ให้เข้าสู่จิตวิญญานระดับพระพุทธเจ้าคือ กลับสู่ความเป็นพุทธะ
      • 2.ยกระดับจิตวิญญานเพื่อนมนุษย์ ด้วยพรหมวิหาร4ให้เป็นอนันตประทีป ได้จุดต่อๆกันไป
      • 3.ช่วยขนรื้อภพภูมิ ตัดอบายให้แก่เวไนย ทั้งภาคหยาบ ภาคทิพย์

ลูกรัก...ของอาม่าทุกคน
"เป็นพระโพธิสัตว์ต้องยิ่งใหญ่
ถ้า...ไม่ยิ่งใหญ่ไม่ต้องเป็น"

แต่ความยิ่งใหญ่นี้ 
มิใช่ความยิ่งใหญ่ของอัตตาตัวตน 
ของอาม่าหรือของลูก
หาก...แต่เป็นความยิ่งใหญ่ของหัวใจลูก
หนทางโพธิสัตว์ ไม่ใช่หนทางของคนอ่อนแอ
แต่เป็นหนทางของผู้กล้า
กล้าที่จะประกาศจุดยืน เพื่อสร้างสภาวะของผู้นำ
การเป็นผู้นำ จำเป็นต่อวิถีโพธิสัตว์ 
เพราะเราต้องสร้างสรรรูปแบบ ให้ชัดเจน
ทำไมเราต้องละอายและปิดบัง 
เมื่อเดินเส้นทางนี้
เมื่อมันเป็นมรรควิถี ที่เราทำด้วยตัวเอง 
ผูกพันด้วยตัวเองและเลือกด้วยหัวใจ

เส้นทางแห่งความดีงาม
หนทางแห่งโพธิ หนทางที่ควรภาคภูมิใจ
ตื่นจากความกลัว ตื่นจากความเขลา ตื่นจากความไม่รู้
และเป็นเส้นทางที่พระพุทธะ พระพุทธเจ้า
ทุกพระองค์ต้อง...ผ่าน

หากเรายังหวั่นไหว. ยังกลัวเกรงว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร
ยังเอาค่านิยมทางโลกมาเป็นใหญ่ในชีวิต

ฐานโพธิสัตว์ก็ไม่แน่น
ถ้าต้องปิดบังปนิธานเพราะเกรงการปรามาส 
ต้องซ่อนเร้น
ก็ถอยออกไป เลยลูก"ไม่ต้องครึ่งๆกลางๆ"
ความสุขบนเส้นทางนี้ มันยั่งยืน 
หล่อเลี้ยงน้ำใจเรามากกว่าความสุขเดิมๆ
ที่เราเคยดูแลแค่ตนเองหรือคนในครอบครัว
เพราะความสุขในทางธรรมนั้น 
เป็นความสุขที่มุ่งสู่สังคม มุ่งสู่สรรพสัตว์
ข้ามพ้นความสุขที่ตั้งอยู่บนฐานแห่งอัตตาตัวตน
ความสุขนี้จึงยิ่งใหญ่ และมั่นคงนัก
ความยิ่งใหญ่เท่านั้น...สร้างอุดมการณ์
์ 
"จงมั่นคงและมั่นใจในวิถีแห่งผู้กล้า 
เพื่อสร้างรูปธรรม นามธรรมเกื้อกูลโลก"

โอม มณี ปัทเม หุม 
จงให้รัตนะ 3 
อุบัติกลางดอกบัวแห่งจิตลูกๆเถิด
อาม่า...พระเชนเรซิก

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์