วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ทำไมต้องมี"โพธิจิต"



ทำไมต้องมี 
"โพธิจิต"

ทำไมอาม่าต้องอบรมสมาธิ
และวิปัสนาตามธรรมชาติ

เหตุผลคือ....
ก็ผู้ปฎิบัติ จะเข้าสู่ภาวะ 
"ตถตา" 
ได้อย่างไร 
ถ้าไม่เข้าใจภาวะอิงอาศัย 
เหตุปัจจัยในทุกสรรพสิ่ง 
และพระพุทธองค์ 
ก็เข้าสู่พระสัมมาสัมโพธิญาน 
ด้วยการเห็น 
"ปฎิจสมุปบาทธรรม" 
ตรงนี้
การฝึกสติปัฎฐานจะไม่สมบูรณ์เลย 
หากเราละเลย 
“โพธิจิต” 
ซึ่งได้แก่ความตั้งใจว่า
จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์
เพราะการฝึกสติปัฏฐาน 
ควรจะทำให้เกิดสภาพที่ใจของเราเปิดโล่ง 
รับรู้ถึงความทุกข์ของสรรพสัตว์มาไว้
แทนที่จะเป็นการปิดกั้นตัวเรา
ออกจากสิ่งอื่นๆในธรรมชาติ 
(ทั้งที่ตนเองก็คือธรรมชาติ)
เรามีสติต่อการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ 
สภาวะความเป็นไปของสิ่งรอบตัว 
รับรู้ถึงปัจจุบันขณะของทั้งตัวเราและธรรมชาติ
สติปัฏฐานมีอยู่สี่ประการ 
คือ 
กาย (สังขาร)
เวทนา (ความรู้สึก) 
จิต (ความคิด) 
แล้วก็ธรรม (ธรรมชาติ)

อย่างหลังก็หมายถึงการรับรู้
ความเป็นไปของธรรมชาติรอบๆตัว
ธรรมชาติประกอบด้วยไตรลักษณ์ 
ตัวเราเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
เพียงแต่เวลาเราฝึกสติปัฏฐาน 
ส่วนมากมักจะไม่ค่อยเน้นสติปัฏฐาน
คือ
"ธรรม"
ตรงนี้

ไปเน้นแต่กาย เวทนา จิตกันเกือบหมด
การฝึกสติ 
ไม่ได้มีเพียงแต่การรับรู้
ความเคลื่อนไหวต่างๆของร่างกาย 
หรือรับรู้ความรู้สึก หรือความคิดเท่านั้น
แต่ยังต้องรวมไปถึง
การรับรู้ความสัมพันธ์ 
กันอย่างเป็นโยงใยของสรรพสิ่งต่างๆ 
หรือที่เรียกว่า 
dependent co-origination
หรือในภาษาบาลีว่า 
“อิทัปปัจจยตา” 
ความหมายก็คือว่า 
แทนที่เราจะรับรู้ถึงปรากฏการณ์
ที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา
เรารับรู้สภาวะต่างๆ 
ที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเราด้วย
เพราะธรรมะ 
ก็คือ 
ธรรมชาติ
นั่นเอง


กาย เฝ้าพิจารณากายกัน
เวทนา เฝ้าพิจารณา ความรู้สึกกัน
จิต เฝ้าดูอาการของจิตกัน


แต่

"ธรรม"
กลับพยายามแยกตนเอง 
ออกจากธรรมชาติ 

ทั้งที่ตนเอง

ก็เป็นธรรมชาติที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
ในเขามีเรา ในเรามีเขา

เราอยู่ในทุกสรรพสิ่ง
ในทุกสรรพสิ่งมีเรา


ดักดาน สาละวน อยู่กับกายและจิต
แต่แยกธรรม 

มันก็จะ 

"คา"
อยู่ที่ปฎิบัติ 
แบบใช้กรรมไม่สิ่นสุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์