วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

#วันนี้เป็นวันครบรอบ1ปีของการพบกับลูกๆกลุ่มบ้านโพธิญาน#

ในภาพอาจจะมี 1 คน
เริ่มก่อตั้งกลุ่ม 1 ธันวาคม 2016
เวลาไม่ถึงปี
แต่พลังแห่งโพธิจิตที่มารวมกันนี้ 
ยิ่งใหญ่จนเทพหรือพรหมในโลกธาตุนี้ 
ยังสาธุการ และร่วมโปรด
อันได้แก่พระอสุรินทรา(ราหู)
และพระอนันตนาคราชสองมหาโพธิสัตว์
และองค์คุณอื่นๆ
และขอขอบคุณ 
กับพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์
ที่มาช่วยภารกิจทั้งรุ่นบุกเบิก และที่เข้ามาใหม่ๆ
ต่างโคจรมารวมกลุ่มกันได้ 
ด้วยแรงดึงดูดแห่งระดับ "คลื่นบารมี"
ที่ใกล้เคียงกัน กับโพธิจิตของอาม่า
ลูกๆได้เก็บคุณประโยชน์จากการมาสู่อ้อมอก
กับบ้านหลังใหญ่นี้มากมาย
ได้ปัญญาบารมีแห่งธรรมเป็นแสงสว่างมากขึ้น
ได้ทานบารมีอันยิ่งใหญ่ในการร่วมกิจกรรม 
ที่เป็นมหาทานทั้งต่อเวไนยและสรรพดวงจิต
ได้กัลยาณมิตรที่ระดับคลื่นบารมีใกล้เคียงกัน
และที่สำคัญ ได้ปลุก"โพธิจิต"
ให้ตื่นมาทำหน้าที่ ที่จะเป็นผู้มีคุณาปราการต่อสังสารวัฎ
เส้นทางแห่งโพธิสัตว์นั้น 
หยุดยั้งแค่เมตตา กรุณาในจิตตนไม่ได้
เพราะเราต้องสร้างภาวะแห่งการเป็นผู้นำ
ที่จะสร้างสรรค์สังคมพุทธ

ผู้นำที่จะชี้แนวทาง
ให้เขาเกิดความเมตตากรุณา ต่อๆกันไป 
เป็นแสงเทียน ที่เรียกว่าอนันตประทีป
ท่าทีของเราต้องเปิดกว้างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
*** เพราะงานของเราต้องยกระดับจิตมนุษย์
ให้สูงขึ้นด้วยพรหมวิหาร4

ดั่งจุดมุ่งหมายของกลุ่มโพธิญาน มี 3 อย่างคือ
      • 1.ยกระดับจิตวิญญานตนเอง ให้เข้าสู่จิตวิญญานระดับพระพุทธเจ้าคือ กลับสู่ความเป็นพุทธะ
      • 2.ยกระดับจิตวิญญานเพื่อนมนุษย์ ด้วยพรหมวิหาร4ให้เป็นอนันตประทีป ได้จุดต่อๆกันไป
      • 3.ช่วยขนรื้อภพภูมิ ตัดอบายให้แก่เวไนย ทั้งภาคหยาบ ภาคทิพย์

ลูกรัก...ของอาม่าทุกคน
"เป็นพระโพธิสัตว์ต้องยิ่งใหญ่
ถ้า...ไม่ยิ่งใหญ่ไม่ต้องเป็น"

แต่ความยิ่งใหญ่นี้ 
มิใช่ความยิ่งใหญ่ของอัตตาตัวตน 
ของอาม่าหรือของลูก
หาก...แต่เป็นความยิ่งใหญ่ของหัวใจลูก
หนทางโพธิสัตว์ ไม่ใช่หนทางของคนอ่อนแอ
แต่เป็นหนทางของผู้กล้า
กล้าที่จะประกาศจุดยืน เพื่อสร้างสภาวะของผู้นำ
การเป็นผู้นำ จำเป็นต่อวิถีโพธิสัตว์ 
เพราะเราต้องสร้างสรรรูปแบบ ให้ชัดเจน
ทำไมเราต้องละอายและปิดบัง 
เมื่อเดินเส้นทางนี้
เมื่อมันเป็นมรรควิถี ที่เราทำด้วยตัวเอง 
ผูกพันด้วยตัวเองและเลือกด้วยหัวใจ

เส้นทางแห่งความดีงาม
หนทางแห่งโพธิ หนทางที่ควรภาคภูมิใจ
ตื่นจากความกลัว ตื่นจากความเขลา ตื่นจากความไม่รู้
และเป็นเส้นทางที่พระพุทธะ พระพุทธเจ้า
ทุกพระองค์ต้อง...ผ่าน

หากเรายังหวั่นไหว. ยังกลัวเกรงว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร
ยังเอาค่านิยมทางโลกมาเป็นใหญ่ในชีวิต

ฐานโพธิสัตว์ก็ไม่แน่น
ถ้าต้องปิดบังปนิธานเพราะเกรงการปรามาส 
ต้องซ่อนเร้น
ก็ถอยออกไป เลยลูก"ไม่ต้องครึ่งๆกลางๆ"
ความสุขบนเส้นทางนี้ มันยั่งยืน 
หล่อเลี้ยงน้ำใจเรามากกว่าความสุขเดิมๆ
ที่เราเคยดูแลแค่ตนเองหรือคนในครอบครัว
เพราะความสุขในทางธรรมนั้น 
เป็นความสุขที่มุ่งสู่สังคม มุ่งสู่สรรพสัตว์
ข้ามพ้นความสุขที่ตั้งอยู่บนฐานแห่งอัตตาตัวตน
ความสุขนี้จึงยิ่งใหญ่ และมั่นคงนัก
ความยิ่งใหญ่เท่านั้น...สร้างอุดมการณ์
์ 
"จงมั่นคงและมั่นใจในวิถีแห่งผู้กล้า 
เพื่อสร้างรูปธรรม นามธรรมเกื้อกูลโลก"

โอม มณี ปัทเม หุม 
จงให้รัตนะ 3 
อุบัติกลางดอกบัวแห่งจิตลูกๆเถิด
อาม่า...พระเชนเรซิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์