วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

เราก็ข้ามเวลามาพบกัน


อาม่าขา....
จากนี้ไป มือของลูกๆจะพลิก
จากที่เคยแบ เพื่อเป็นผู้ขอ 
ก็จะพลิกคว่ำ เพื่อเป็นผู้ให้ค่ะ

"ประโยคนี้ งดงามนัก เมื่ออยู่ๆลูกๆก็ให้สัญญากับอาม่าเอง" 
ในช่วงบ่ายวันนี้
มันเป็นสิ่งที่ออกมาจากหัวใจและจิตเดิมแท้ของลูก
#ความรักนั้น จะไม่มีค่าอะไรเลย หากไม่ได้แบ่งปัน#
ลูกเอ๋ย 
หากเจ้ามีโพธิจิตเสียแล้ว 
อาม่ากับเจ้าจะถึงกันเสมอ
ในยามน้ำตาร่วงก็ร่วงด้วยกัน
ในยามหัวเราะก็หัวเราะด้วยกัน

มันเป็นพันธสัญญาพันธกิจที่เชื่อมต่อมานาน
ที่อาม่าจะต้องประคองเจ้า
จนกว่าเจ้าจะยืนหยัดเข้มแข็ง
ซึ่งมันไม่ใช่แค่ "ภพนี้"
แต่หมายถึงอเนกอนันตชาติที่ผ่านมา
และกาลข้างหน้าอีกด้วย
การบำเพ็ญโพธิจิตของเจ้า มันมิใช่เพิ่งเกิดหรอกลูก
เพียงสัญญาวิปลาสของจิตเจ้าปิดบังไว้ 
ทำให้เจ้าจดจำปนิธานแห่งตนไม่ได้

แต่ถึงอย่างไร 
จิตเดิมแท้เจ้าก็แสดงตนทุกครั้งที่เจ้าเมตตากรุณา 
สงสารหยิบยื่นสิ่งละอันพันละน้อยให้ผู้อื่น 
ช่วยเหลือผู้อื่น
แม้การให้ข้าวหมาแมวพเนจร
แม้การจอดรถเก็บตะปูบนถนน
แม้การหยอดเหรียญ ให้ขอทาน และอื่นๆ

ล้วนเป็นปนิธานที่ฝังลึกในจิตวิญญานเจ้าทั้งสื้น

โพธิจิต 
คืออะไรหรือลูก
โพธิจิต คือจิตที่มุ่งหวังความรู้แจ้ง การตรัสรู้

โพธิจิตคือพุทธพีชะ หรือเมล็ดพันธ์น้อยๆ
ที่อยู่ส่วนลึกในใจทุกดวงจิต
เหมือนกับเรามีดี แต่หลงลืม ไม่รู้เก็บไว้ไหน
อาม่าจะชี้ทางให้เจ้า ในการค้นหาโพธิจิต

เริ่มจากตัวเจ้าก่อน 
คือสัมผัสทุกข์ในตน เข้าใจทุกข์ จนเข็ดหลาบ
และไม่อยากให้เกิดกับตนอีก
เมื่อเรารู้จักทุกข์แล้ว 
เราก็เห็นใจชีวิตอื่นไม่อยากให้ผู้อื่น
ต้องพบทุกข์เหล่านั้นด้วย
ความปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ 
คือจุดเริ่มต้นของโพธิจิต
การปรารถนา สู่ความเป็นพุทธะของเรา
ก็มิใช่เพื่อตน

หากแต่เพื่อสร้างบารมีที่ยิ่งใหญ่
มีกำลังปลุกผู้อื่นให้ตื่นจากทุกข์
และเข้าสู่พุทธะนั่นเอง
วิถีโพธิสัตว์จึงเป็นวิถีสืบสานโยงใยอบอุ่น
จึงไม่แปลกเลยที่หลายคนทั้งหญิงชาย 
แค่คุยแชท คุยโทรศัพท์ หรือคุยไลน์
หรือมาพบอาม่า
จะน้ำตาไหล ตัวสั่น ปิติตื้นตัน

ความเป็นมนุษย์ไม่เข้าใจหรอก
ทำไมผมถึงร้องไห้ 
ทำไมหนูถึงร้องไห้
ทำไมถึงรักอาม่า 
ทำไมเจ็บป่วยทรมาน
จึงเรียกหาอาม่าให้ช่วยด้วย

แต่จิตเดิมแท้ข้างใน เขาจำอาม่าได้
ความปิติตื้นตัน 
เขาไม่มีเหตุผลให้เราหรอก

เพราะเขาแค่...
รอคอยและตามหามานาน
นี่!!!
ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของเราหรอกลูก
กี่ภพ...กี่ชาติ
"เราก็ข้ามเวลามาพบกัน"

เพื่อเป็นแสงตะวัน ที่สาดส่องให้ผู้อื่นด้วยกัน
#โอม มณี ปัทเม หุม#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์