วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

มหาปนิธานมาจากไหน


หลายคนสงสัย ทำไมอาม่าจึงสอนว่าโพธิจิตนี้ 
เป็นทางลัดเข้าสู่มรรคผลนิพพาน
และ
สามารถยกจิตเข้าสู่ระดับพระพุทธเจ้าได้
และ
มหาปนิธานมาจากไหน ??
ส่วนใหญ่มาจาก
การเคยเกิดเป็นมนุษย์ในกาลก่อน 
ออกบวชได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
แล้วศรัทธาเลื่อมใส ในพุทธิจริยา 
และปฏิปทาแห่งพระพุทธองค์
จึงตั้งปนิธาน
ด้วยจิตกรุณาอย่างขีดสุดต่อหน้าพระพุทธองค์ 
ประสงค์ต้องการช่วยสรรพสัตว์ให้หลุดพ้น

ขอบอกว่าอธิษฐานนั้น 
ผ่านการรับรู้ 
เข้าสู่จิตพระพุทธองค์ทั้งสิ้น

เมื่อพุทธจิตอันเข้มแข็ง
ผสานกับมหาปนิธานอันแรงกล้า 
และ
การบำเพ็ญสืบต่อปนิธานยาวนานต่อเนื่อง
ภาวะทิพย์จะปรากฎรองรับพุทธิปัญญา
และ
มหากรุณา 

ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาๆของกฎเหตุและผล
เมื่อจิตของบุคคลสั่งสมบารมีด้วยการทำความดี 
และอธิษฐานจิตเพื่อผู้อื่นตลอดเวลา 
การดำเนินชีวิตอันยาวนานในสังสารวัฏ
ด้วยอุดมการณ์แห่งพระโพธิสัตว์
พลังนั้น...ย่อมบริสุทธิ์

ความบริสุทธิ์ 
จะสะท้อนออกมาเป็นพระคุณทั้งสาม คือ
มหาปัญญา มหากรุณา และมหาอุปายะ(อุบายธรรม)
พระคุณเหล่านี้ เมื่อปรากฎในดวงจิตใด 
ก็จะเป็นแสงสว่างช่วงโชติหล่อเลี้ยงสังสารวัฎ
พลังแห่งความกรุณานั้น 
ใครจะคิดเล่าว่าจะมีอานุภาพมากมาย
หล่อหลอมเป็น
"พละบารมี"
คือบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ อานุภาพ
แล้วยังสะท้อนออกมาเสริมทศบารมีอื่นๆ
ที่บำเพ็ญอีกด้วย 
เพื่อประโยชน์ต่อเวไนยสัตว์ตามจริต
จิตที่ตั้งเจตจำนงค์โพธิสัตว์นั้น
ล้วนมุ่งมั่นให้เวไนยตระหนักรู้ในตนเอง
แทนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง 
อธิบายธรรมะให้เป็นเรื่องจิต
และ
กระบวนการการทำงานของจิต
ทั้งสิ้น
สมมุติและปรมัตถ์
ของพระโพธิสัตว์ จึงมิได้แยกจากกัน 
ด้วยการเข้าใจบ่มเพาะธรรมอิงอาศัยมานานแสนนาน

ภาวะโพธิสัตว์จึงข้ามผ่านตัวตน
ศักยภาพความสามารถทางจิต
จึงเป็นเรื่องธรรมดาๆ 
ที่ให้ค่าได้แค่อุปายะไม่ตื่นเต้นกับ ญาน ฌาน ปาฎิหารย์ใดๆ
แต่
หยิบยกมาใช้ได้ ตามจริตสัตว์
ให้ค่าได้แค่ความจริงของธรรมชาติ 
ที่เป็นธรรมโดยธรรม ด้วยการมองโลกด้วยพุทธิจริต คือ
"ตถตา"
เท่านั้น

พวกลื้อ 
เห็นและซาบซึ้งในพุทธิจริยาพระพุทธเจ้าเอง 
แล้วเลื่อมใส อธิษฐานเอง 
ตั้งปนิธานเองเบื้องต่อหน้าพระพักตร์
กล้าผิดสัจจะ ถอนสัจจะ ต่อตนเองหรือ?????

#อาม่า...พระเชนเรซิก#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์