วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ลังกาวตารสูตร คัมภีร์หลักฝ่ายมหายาน พุทธทาสภิกขุ

ในภาพอาจจะมี 1 คน
ลังกาวตารสูตร คัมภีร์หลักฝ่ายมหายาน พุทธทาสภิกขุ : แปล
  • ต้นกำเนิดพระพุทธเจ้าไม่บริโภคเนื้อสัตว์
  • พระมหาเถระ อัมริตนันทะ...ผู้มีชื่อเสียงแห่งประเทศเนปาล ซึ่งเป็นลูกหลานในตระกูล “ ศากยวงศ์ ” แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็ยืนยันให้โลกทราบว่าในราชวงศ์ของท่านนั้นนับตั้งแต่โบราณกาลมาจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีใครเสพเนื้อสัตว์เลย...
  • แท้จริงแล้ว พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลายอุบัติมาเพื่อ โปรดสัตว์ แล้วพระองค์จะเอาชีวิตสัตว์มากินเสียเองได้อย่างไร...
  • ในพระคัมภีร์ ลังกาวตารสูตร พระพุทธเจ้าตรัสในเกาะ ลังกาก็มีบอกไว้ชัดเจน แต่ศิษย์สาวกของท่านในยุคหลังๆ เขา อยากจะกินเนื้อสัตว์กันเอง เขาไปบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 900 เศษว่าพระองค์เองก็เสวยเนื้อสัตว์...
  • โอ!... บาปหนาเหลือเกิน...
  • คนในปัจจุบัน จึงบริโภคเนื้อสัตว์โดยไม่เกรงกลัวบาปกรรม เด็กที่เกิดมาใหม่ถูกปลูกฝังให้กินเนื้อสัตว์โดยไม่รู้ผิดชอบชั่วดี พากันบริโภคอย่างคึกคะนอง เอาชีวิตสัตว์มาเป็นสินค้าซื้อขายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทำลายเมตตาจิตขาดสะบั้น แล้วชีวิตจะอยู่ สงบสุขได้อย่างไร..

--------------------------------------------------------
  • พระโพธิฺสัตว์เมตตาเติมปัญญา ....ดวงวิญญาณสาวกหรือบุคคลลผู้ทำการดัดแปลงบิดเบือนคำสอนพระพุทธองค์ ตอนนี้ ยังไม่พ้นกรรมในภพภูมิสัตว์เดรัจฉาน เพราะพวกเขามีส่วนทำให้สรรพสัตว์ในเมืองพุทธ ต้องล้มตายเป็นล้านล้านล้านโกฐนับประมาณมิได้เลย มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม กิเลสตัณหาตัวเดียวที่ทำให้ดวงวิญญาณของบุคคลเหล่านี้ ตกไปเป็นสัตว์เดรัจฉานตลอดกาล ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดเป็นมนุษย์ หรือภพที่สูงกว่า เขาจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์ที่ถูกทรมานและฆ่าตายนิรันดร์กาล โทษฐานขาดจิตเมตตา เห็นแก่ปากท้องตนเอง ยึดติดในรสชาติอร่อย พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์มาจุติบนโลกเพื่อกู้โลก มิใช่เพื่อเพิ่มกิเลสหรือความรุนแรงให้กับโลกหนอ โอ้ เวรกรรมมีจริงๆและน่ากลัวที่สุด ไม่เกี่ยวกับสายมหายานหรือเถรวาท การแบ่งแยกสายอันนั้นมันเกิดจากกิเลสโทสะและจิตปรุงแต่งของมนุษย์ที่ยังไม่รู้ตื่น รู้เบิกบานในสัจธรรมเท่านั้น บุคคลผู้มืดบอดมากมาย ต่อให้ฟังธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์กี่พันครั้ง ก็ไม่มีวันมีดวงตาเห็นธรรมได้ เพราะยึดมั่นถือมั่นในมิจฉาทิฐิ (ego) แห่งตนเอง มิเปิดรับปัญญาที่พระพุทธะจะเติมให้แต่อย่างใด

---------------------------------------------------------
  • (พระพุทธเจ้าบอก อย่าเพิ่งเชื่ออะไรๆทั้งสิ้น แม้แต่พระพุทธองค์ตรัสเองไม่ใช่หรือ พระองค์ท่านให้พิจารณาๆๆๆๆๆๆด้วยปัญญาอย่างละเอียดก่อน ดูเหตุแห่งทุกข์ก่อน ให้ดับเหตุแห่งทุกข์นั้น นี่คือศาสนาพุทธ พุทธะ ตื่นแล้ว รู้แล้ว ใช้สมองคิดเองได้ ไม่ใช่บังคับให้เชื่อ แบบนกแก้วนกขุนทองอย่างเดียว)
  • พระโพธิสัตว์ทรงทดสอบปัญญา ถามฆารวาสทั้งสองนิกายที่ต่างมีความเห็นที่ขัดแย้งกัน ที่มาจากคำสอนของพระพุทธองค์ที่สอนแตกต่างกัน ไม่รู้ว่า คำสอนไหนเท็จหรือจริง หรือ แต่งกันขึ้นมาเอง แต่ให้พึงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนด้วยสติปัญญา.....
  • บัณฑืตทั้งหลาย เราโปรดสัตว์ไปทั่วไตรภูมิ เราจึงให้ความเป็นธรรมและความสุขกับเวไนยสัตว์ทั้งหลายเท่าเทียมกัน เราจึงจะไม่สามารถเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ระหว่างสัตว์เดรัจฉานและมนุษย์ เราสงสารและเมตตาเท่าเทียมกัน พวกเธอได้ฆ่าสัตว์ไม่มีประมาณจนเลยขอบเขตของกฏแห่งกรรมแล้วหนา พวกเธอไม่สงสารสรรพสัตว์บ้างเลยหรือ?? พวกเธอเอาแต่เสพสุขฝ่ายเดียวจนเป็นความเคยชินชาไปเสียแล้วใช่หรือไม่ กับความผิดบาปที่กระทำกันมาหลายชั่วอายุคน พวกเธอ แม้แต่พระพุทธองค์ ก็เคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานกันมาแล้ว การเวียนว่ายตายเกิดเป็นทุกข์มหันต์นัก เพราะกิเลสตัณหา
  • การฆ่าสัตว์และมนุษย์ ล้วนมาจาก กิเลสของโทสะ ไร้จิตเมตตาการุณย์ จะเข้าถึงอรหันต์ได้อย่างไรเล่าในเมื่อเธอยังติดในรส จากอายตนะที่เรียกว่า ลิ้น และ รส อยู่ อรหันต์ ย่อมมีจิตเมตตา ไม่โลภยึดมั่นในรูป รส กลิ่น เสียง อารมณ์ใดๆ การกินเป็นการประทังชีวิตแต่เธอประทังชีวิตที่ยังขาดเมตตาธรรม มิใช่วิถีแห่งจิตและมิใช่พุทธะ โพธิญาณไม่มีใจที่แบ่งแยก เดินสายกลาง เมตตาทั้งมนุษย์และสัตว์ทุกภพภูมิ เราไม่เคยรังเกียจสรรพสัตว์ใดๆ เรามิเคยมองเขาแตกต่างจากพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
  • เธอทั้งหลายมิใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง ยึดติดในตำราทฤษฎีหรือฟังปัญญาคนอื่นตามๆกันมา แต่มิได้มองไปถึงสัจธรรมชีวิตจริง ว่า การฆ่าสัตว์ การทำผิดศีลได้เกิดขึ้นทุกวินาทีบนโลกมนุษย์ เธอจงไปดูเอาเองที่โรงฆ่าสัตว์ หรือ ตามตลาดสด เธอจะเห็นสัจธรรมจริง
  • อวิชชาบดบังศีล สมาธิ ปัญญาของมนุษย์ ดั่งเมฆสีดำบดบังแสงจันทรา ทำให้คิดไม่ได้เสียทีว่า เหตุแห่งทุกข์ของการเวียนว่ายตายเกิดมาจากที่ใด
  • สมมติ ไม่มีคนฆ่าสัตว์มาให้เธอกิน ทุกคนหยุดฆ่าสัตว์หมดทั้งโลก 
  • เธอจะยินดีกับสถานการณ์ที่ว่า การไม่มีเนื้อให้กินกันอีก ได้ไหม? 
  • เธอจะยอมรับได้ไหมกับการไม่มีเนื้อสัตว์มาวางขายตามตลาดแล้วหันมาทานอาหารเจหรือมังสวิรัติกันแทน ตลอดชีวิต? 
  • เธอจะยอมฆ่ากินเองไหม หากไม่มีเนื้อสัตว์มาวางขายอีกต่อไปแล้ว?
  • คำตอบ : สมมติว่า หากเธอยอมรับสภาพนั้นได้ เธอเลิกเสพเนื้อสัตว์ตั้งแต่แรกเกิดไม่ดีกว่าหรือ? 
  • และสมมติหากว่า เธอไม่สามารถยอมรับสถานการณ์นี้ได้ คือ ในโลกนี้ ไม่มีใครฆ่าสัตว์ให้เธอกินสักคน เธอจะยอมฆ่าสัตว์ด้วยน้ำมือของเธอเองแลกกับบาป เพื่อสนองความโมโหหิวของเธอได้หรือไม่ เธอทำไม่ลงเพราะเธอกลัวบาปใช่หรือไม่ เธอจึงเอาเปรียบผู้อื่นด้วยการให้เขาฆ่าสัตว์และรับบาปแทนเธอใช่หรือไม่ นี้คือ ความเห็นผิดพล่อยๆของมนุษย์โดยไม่ดูเหตุแห่งทุกข์ เธอซื้อเท่ากับเธอจ้างเขาฆ่าให้เธอแล้ว เพราะเธอจะซื้อต่อไปเรื่อยๆเมื่อเธอกินเนื้อทุกวันตลอดชีวิตของเธอ
  • คติพจน์ : เธอได้กินเนื้อสัตว์อย่างอิ่มหนำสำราญทุกวันนี้ ก็เพราะว่าเธอมีคนอื่นฆ่าสัตว์ให้เธอกินอย่างง่ายๆ เธอไม่ได้เป็นคนฆ่าเองเพราะเธอบอกว่าเธอกลัวบาป เธอรักษาศีลอยู่ ดังนั้นเธอจึงโยนความผิดบาปนั้นไปให้คนที่ฆ่าสัตว์หรือโรงฆ่าสัตว์แทน ว่า พวกเขาทำบาป พวกเขาสมควรได้รับโทษในนรกขุมที่ 1 พวกเขาทำผิดศีลข้อปาณาฯเอง ส่วนเธอไม่ผิด เพราะเธอเป็นผู้ซื้อ ผู้บริโภคเท่านั้น ทางการยมโลกไม่เอาเรื่องเธอโดยตรงได้ แต่ผู้ที่จะมาเอาเรื่องกับเธอโดยตรงได้ คือ ใคร รู้ไหม
  • เราจึงขอถามหน่อยว่า แม้เธอตอบท่านพญายมราชไปว่า เธอไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าเอง เธอไปเอาเงินซื้อเนื้อมาเฉยๆ เธอบอกว่าเธอไม่ผิด ทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟัง ไม่รู้ไม่ชี้ แต่หากเจ้าของเนื้อชิ้นนั้นที่อาฆาตแค้นจะมาทวงหนี้กรรมกับเธอด้วยการให้เธอป่วยเป็นโรคตาย ถูกฆาตกรรมตาย หรือเกิดอุบัติเหตุตาย เมื่อเธอไปพบเจ้ากรรมนายเวรเข้าในศาลยมโลก เธอจะทำอย่างไรดีหากเขาไม่ยอม วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นสัตว์ ก็ต้องตอบกลับมาว่า ท่านกินพวกเรา พวกเราเลยถูกฆ่าตายไม่จบสิ้น ปากของท่านคือสาเหตุการตายของพวกเรา
  • วิญญาณสัตว์ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรเป็นเหตุแห่งทุกข์นี้ 
  • เธอได้มองเห็นเหตุแห่งทุกข์ชัดเจนหรือไม่
  • เหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงก็มาจาก ความอยากเสพเนื้อของเธอ พวกเขาจึงทุกข์ทรมาน อาฆาตด้วยการถูกฆ่าตายแบบผิดธรรมชาติ
  • สมมติว่า มนุษย์สามารถกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันได้ เธอจะรู้สึกอย่างไรเล่า
  • มนุษย์มากมายก็จะต้องถูกฆ่าตายไปเป็นอาหาร สงครามระหว่างผู้ที่เป็นนักล่ากับผู้ที่เป็นเหยื่อที่อ่อนแอกว่า ใช่หรือไม่ ผู้ที่เป็นเหยื่อที่อ่อนแอกว่า ก็จะรู้สึกกลัวความตาย กลัวความเจ็บปวด ใช่หรือไม่
  • หากเธอจะแย้งเราด้วยคำสอนจากพระไตรปิฏกทางฝ่ายเถรวาท เราก็จะเตือนสติเธอก่อนดังนี้ว่า
  • เธออย่าเอาความเป็นฆารวาสไปเปรียบเทียบกับความเป็นสมณะสงฆ์อีกเลย เพราะคำสอนพระพุทธองค์ ได้กล่าวถึงการปฏิบัติของพระสงฆ์เท่านั้น มิได้เกี่ยวกับฆารวาส เพราะพระสงฆ์ไม่สามารถใช้เงินซื้อเนื้อได้เองตามพระวินัย ส่วนพระพุทธองค์ทรงตรัสกับฆารวาสอย่างเดียวเท่านั้นว่า พึงละเว้นจากการฆ่าสัตว์ เท่านั้น แต่ทุกวันนี้ ผู้ที่ฆ่าสัตว์เสียเอง คือ ฆารวาสที่ ฆ่ามาถวายพระสงฆ์ ใช่หรือไม่
  • ฉะนั้น เราขอถามว่า ทุกๆคนรักหวงแหนชีวิตของตนเองใช่หรือไม่
  • สรรพสัตว์ก็เช่นนั้น พวกเขาจึงไม่อยากตายโหง คือ ตายด้วยความอาฆาตแค้นใจ
  • โอม มณี ปัทเม ฮุม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์