วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560

"โคตระ ปัทมะ"

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังยืน

เชนเรซิกเอ๋ย..ต้นตระกูลเรา คือ ปัทมะ ดอกบัว
และ ดอกบัวนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มหรือลดอะไรอีก ขอเพียงให้เจ้าเป็น"ดอกบัว"ของพ่อก็เพียงพอแล้ว
เช่นเดียวกัน...นะลู
มนุษย์ทุกคนก็เป็นดอกบัวของพ่อ
เขาพร้อมจะเป็น หน่อเนื้อพุทธางกูรเสมอ
เพียงแค่เขาทำหน้าที่ในการเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง และมันก็เพียงพอที่จะทำให้โลกเบิกบาน ศานติ สงบเย็น
ดังนั้น...ลูกจงอย่าท้อถอยในมหาปนิธาน
จงฟื้นความเป็นดอกบัว คือ"โพธิจิต"
ให้ทุกสรรพจิต ดำรงในพรหมวิหาร4
ตั้งมั่นในความ กตัญญูกตเวที
ขึ้นตรงต่อพระรัตนตรัย และทำหน้าที่ตนให้สมบูรณ์
เชนเรซิกเอ๋ย...มนุษย์นั้น ต้องมีศีลธรรม จริยธรรมอันดีงามเป็นบาทฐานเสียก่อนจึงก้าวสู่ถนนพระโพธิญานได้
ในขณะเดียวกัน พระนิพพานนั้น ก็สำคัญ
เพราะการตระหนักถึงความจริงสูงสุดจะทำให้มนุษย์ทำหน้าที่นั้นๆอย่างไม่ทุกข์และเร่าร้อน
สิ่งที่ลูกต้องทำคือ
"ให้เขาเห็นความเชื่อมโยงทั้งโลก"(อิทัปปัจจยตา)
เพราะถ้าเขาเห็นความเชื่อมโยงทั้งโลก
เขาจะมีสติปัญญามากขึ้น
และเมื่อมีสติปัญญามากขึ้น
เขาจะไม่ถูกต้อนให้จนมุมด้วยปัญหาเล็กๆน้อยๆ
เขาจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดต่างๆได้ง่ายขึ้น
และชีวิตที่ผิดพลาดน้อย จะมีทัศนะชีวิตทีมีความสุขขึ้น ลึกซึ้งขึ้น แก้ไขปัญหาใดๆได้ดีขึ้น
นิพพานแปลว่าดับ ดับในที่นี่
คือดับสิ้น ในการคิดให้ค่าบัญญัติญัติใดๆ
ดังนั้น...ลูกจงบอกเวไนยเถิดว่า
"นิพพานไม่ใช่สภาวะที่จะบรรลุถึงเมื่อพวกเขาตาย"
ความตาย ความเกิด การเป็น การไม่เป็น การมาการไป เป็นบัญญัติโลกที่ใช้แทนสภาวะธรรมชาติ ให้แยกแยะและสื่อสารเข้าใจกันได้เท่านั้น
เมื่อความคิดในสมมุติบัญญัติใดๆ"ดับ"
(คือการรู้เท่าทัน ไม่ใช่ไม่คิด เพราะความคิดคือหน้าที่ตามธรรมชาติของสังขาร)
โดยยังทำหน้าที่สมบูรณ์
ไม่ทิ้งสมมุติและรู้เท่าทันสมมุติ
เวไนยทั้งมวล จึงสามารถเข้าถึงนิพพานได้ที่นี่ เดี๋ยวนี้ โดยการหายใจอย่างมีสติเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ในชีวิตประจำวัน
พรหมวิหาร4นั้น จักทำให้เขายิ้มและสมบูรณ์ทั้งหลับและตื่น
เพราะสำหรับพระนิพพานนั้น"เวลาและกาละไม่มี จึงไม่จำเป็นใดๆเลย ที่ดอกบัวของพ่อต้องมีการ"รอคอย"
พุทธะนั้น ไม่มา ไม่ไป ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ผ่องแผ้ว ไม่หมองมัว
นั้นแหละ "โคตระ ปัทมะ"
หน่อเนื้อพุทธางกูรอันเป็นต้นตระกูลของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์