วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

จงลืมตาเถิดลูก พระนิพพานจะบังเกิด เมื่อลูก"ไม่มี"

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังนั่ง

  • ลูกรัก พ่อไม่เคยสอนให้เจ้าเนิ่นช้าในธรรม 
  • พ่ออาจนำพาเจ้าสร้างมหาทานบารมี ขนรื้อภพภูมิ 
  • ทำภารกิจหน้าที่ อันเป็นการสร้างสั่งสมบารมี เพื่อสะสมเสบียงบุญให้เจ้า
  • แต่ในด้าน"ปัญญาบารมี" พ่อได้ให้ปรมัตถ์ธรรม คือยอดสูงสุดกับลูกเสมอ
  • จริงๆแล้ว ตัวลูกนั่นแหละ คือพระนิพพาน
  • ลูกอาจหลับใหลแล้วฝันว่า
  • ลูก เป็นหญิง เป็นชาย เป็นพ่อ เป็นแม่
  • เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง
  • เป็นอะไรๆที่ลูกเป็นอยู่ และต้องเดินทางไปสู่มรรคผลนิพพานให้ได้
  • ด้วยความเข้าใจอันคลาดเคลื่อน เพ้อฝันในวิปลาสสัญญา 
  • ลูกจึงเวียนวนมา สูญเปล่าเป็นเอนกชาติ
  • แต่เมื่อใดที่ลูกหยุดฝัน สิ่งที่ดำรงอยู่คือพระนิพพาน
  • พระไตรปิฎกหรือนักบวชพูดกันมานานเป็นศตวรรษแล้วว่า
  • "พระนิพพานอยู่ในตัวเรา คือกายและใจนี้"
  • แต่ความเชื่อก็ละเมอเพ้อพกเหมือนกันถ้าลูกไม่สัมผัสจริงๆ และยังเอาผ้าปิดหน้า ปิดดวงตาแสวงหามายานอกตน
  • ลูกจะสัมผัสปรมัตถ์ธรรมอันเป็นความจริงสูงสุดได้ เมื่อลูกลืมตาแล้วพบความจริงว่า
  • เพราะ"ลูกมิได้มีอยู่"
  • ลูกจึงเป็น....พระนิพพาน
  • #พ่อรักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต ไหนเลยจะไม่ส่งเจ้าข้ามฝั่ง 
  • และหากแม้เจ้าเดินไปจากพ่อ พ่อก็ยังอุ่นใจเสมอว่า 
  • เจ้ามีข้าวห่อที่พ่อให้ คือเสบียงบุญ 
  • อันเป็นบารมีธรรม หรืออริยทรัพย์ 
  • ให้เจ้าไม่หิว ให้เจ้าไม่ลำบาก ระหว่างการเดินทางที่ไม่มีจริงนั้นๆ#
  • และจงจำไว้ว่า ลูกศิษย์อาจฆ่าครูบาอาจารย์ได้ 
  • แต่ครูบาอาจารย์ฆ่าลูกศิษย์ไม่ได้
  • ดังนั้น ลูกก็คือลูกเสมอ พ่อแม่ก็คือพ่อแม่เสมอ
  • ทุกครั้งที่ลูกมาหาพ่อ พ่อจะอ้าแขน รับเจ้ามาสู่อ้อมกอดเสมอ
  • แม้ในอ้อมกอดนั้น ทุกๆครั้ง 
  • พ่อจะต้องรับ โรคภัยไข้เจ็บ วิบากกรรม เวทนา 
  • และเจ้ากรรมนายเวรลูก มาสู่ตัวพ่อ
  • การกอดของพ่อมีนัยยะเสมอ มิใช่การสร้างภาพ 
  • แต่เป็นการล้างธาตุขันธ์ลูก ช่วยลูก 
  • โดยมีสังขารพ่อ รองรับความทุกข์ทั้งมวลแทนเจ้า
  • จงลืมตาเถิดลูก พระนิพพานจะบังเกิด เมื่อลูก"ไม่มี"
  • อาม่า....พระเชนเรซิก
ในภาพอาจจะมี 1 คน
  • ผู้บรรลุ ผู้ไม่บรรลุ สิ่งที่บรรลุ ล้วนมายา
  • จิตธรรมดา หรือจิตตรัสรู้ ล้วนมายาเท่าเทียมกัน
  • ด้วยทั้งคน ทั้งจิต ทั้งนิพพาน ทั้งสังสารวัฎ ล้วนเป็นความว่างที่เสมอเท่ากันหมด
  • จิตโง่ จิตตรัสรู้ ก็ล้วนเป็นธรรมสมมุติ ธรรมปรุงแต่ง
  • เพราะโลกุตตระธรรม พระพุทธองค ตรัสว่าทั้งกายและจิตล้วนเป็นอนัตตา
  • ลูกต้องยืนอยู่บนยอดเขาแล้วลูกจะเห็นทุกมุม อย่างทะลุปรุโปร่ง
  • การวนเวียน อยู่ตีนเขา
  • ลูกเสียเวลามาแล้ว กี่อสงไขย
ในภาพอาจจะมี 1 คน, สถานที่ในร่ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์