วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เข้าใจกับคำว่า... ธรรมะ คือ...ธรรมชาติ



เมื่อข้าพเจ้าได้น้อมอ่านพิจารณาธรรม

จากท่านอาม่า.."พระเชนเรซิก"ที่ได้โปรดแสดงธรรม
ปกโปรดแก่เหล่าศิษย์และลูกหลาน
จนจิตข้าพเจ้าได้เข้าถึง และเข้าใจกับคำว่า...
ธรรมะ คือ...ธรรมชาติ...
ได้เข้าใจใน หลักสติปัฎฐาน 4 ยิ่งขึ้น
#ขอน้อมจิตกราบองค์อวโล(อาม่า)"พระเชนเรชิก"


กาย เวทนา จิต และธรรม
ส่วนใหญ่ทุกคนจะสาละวนอยุ่
แต่กับ กาย เวทนา จิต
แต่แยกธรรม (ตัวหลัง)
ออกจากธรรมชาติในชีวิต
ประจำวัน..
จะมุ่งแต่ กาย เวทนา จิต
ชะส่วนใหญ่..
"กาย"เฝ้าพิจารณากายกัน
"เวทนา"เฝ้าพิจารณาความรู้สึกกัน
"จิต"เฝ้าดูอาการของจิตกัน
แต่..
"ธรรม"
กลับพยายามแยกตัวเองออกจาก
ธรรมชาติ..
มันเลยคาที่การปฎิบัติไม่จบสิ้น 
เพราะ....
แยก..ธรรม ออกจากธรรมชาติ
ไม่เข้าใจกันว่า...
ตัวชีวิตนั่นแหละ คือ ..ธรรมมะ
ธรรมะอยู่ในทุกอิริยาบถ..
ธรรมะอยู่ในทุกหนทุกแห่ง
ธรรมะอยู่ในชีวิตประจำวันนี้แหละ
คนส่วนใหญ่จึงสงบ ระงับได้
เฉพาะอยู่ในวัด อยู่ในสถานธรรมเท่านั่น
..แต่พอออกมา...
ดำเนินชีวิตประจำวันปกติ..แล้ว
โดนกระทบ หลุดเลย..
ไม่ผ่าน มันก็เลยคาอยู่ที่การ
ปฎิบัติไม่สิ้นสุด..
แล้วจะจบภพชาติกันได้เช่นไร
ผูกเวร ต่อกรรมกันไม่จบสิ้น
เพราะมันปล่อยไม่ได้ วางไม่ได้
ปลงไม่เป็น มีความยึดมั่นถือมั่น
ไม่ปล่อยวาง..แบ่งแยก..
ุเพราะ..แยกธรรมออกจากธรรมชาติ
ไม่เข้าใจว่า..
ทุกขณะจิตที่เราดำเนินในชีวิต
ประจำวันนั่นแหละ..คือ..ธรรมะ

โลกใบนี้แหละคือ..
สถานธรรมะที่ใหญ่ที่สุด..
เพราะ..เจอจริง โดนจริง
กระทบจริง เจ็บจริง..สัมผัสจริง
ไม่มะโน
ใครผ่านได้..
ถือว่า."สุดยอดคน"
เพราะทุกสิ่งล้วนคือ..ธรรม
ซึ่งธรรม ก็คือ ธรรมชาติ
..คือ... ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา..นั่นเอง
และตัวเราก็คือ.. ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
เช่นเดียวกัน.ที่อยู่ภายใต้
กฎไตรลักษณ์ คือ..
มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป .
ไม่มีสิ่งใดๆ เลยจะจีรังยั่งยืน

เมื่อจิตได้เข้าใจและจิตในได้เข้าถึง
ในธรรมข้อนี้...อย่างชัดเจน..แจ่มแจ้ง..
ไม่ลังเลสงสัย..
จิต จะโล่ง ปลอดโปร่ง อิสระ เบา สบาย
เข้าใจในสัจธรรมโลกมากขึ้น
เข้าใจในทุกสรรพสิ่งล้อมรอบตัวมากขึ้น
เมื่อจิตเขาเข้าใจ และจิตใน (เดิมแท้) เข้าถึง
ทำให้จิตปล่อยวางได้อย่างมากๆ โล่ง โปร่ง
เบาสบาย เกิดปัญญา..พิจารณาเข้าใจ..
รู้เห็นตามความเป็นจริง..ที่มันเป็นตามธรรมชาติ
..เมื่อเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงเช่นนี้แล้ว
เมื่อนั่น...จิตย่อมปล่อยวางได้ด้วยปัญญา...
และเมื่อนั่น..ก็จะเห็นเพียง..สักแต่ว่า..ในทุกกรณี


ธรรมะะสวัสดี
หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะทุกท่าน

Lamduan Puttarasu

ในภาพอาจจะมี ข้อความ
อธิบายได้ชัดเจนมาก ลูก 
บินได้ บินออกมาเลย
ไม่ต้องไปคา ไปเพ่ง ไปสาละวนกับมัน(กายและจิต)
ยกจิตขึ้นสู่โลกุตตรธรรม
มองเห็นว่ากายและจิต ก็ธรรมชาติล้วนๆ
เท่าเทียมและเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
ทำหน้าที่ตามเหตุปัจจัย
แต่ข้างใน หยุดแล้ว หยุดให้ค่า หยุดแสวงหาทุกสิ่ง
สาธุ ในปัญญาบารมี อันเอกอุของลูก
พระพุทธองค์ตรัสว่า

ไม่มีใครเข้าสู่ที่สุดแห่งทุกข์ได้ ด้วยการ"ไป"

ใครหวัง"ไป"นิพพาน
กี่ภพชาติ ก็วนเวียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์