วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

คุณต้องรูู้จักตนเอง


คุณต้องรูู้จักตนเอง
จิต...เป็นธาตุตามธรรมชาติฝ่ายนาม(ธาตุรู้)
กาย...เป็นธาตุตามธรรมชาติฝ่ายรูป

มาปรุงแต่ง อิงอาศัย ตามเหตุตามปัจจัย 
แล้วสมมุติว่า ลักษณะนี้ เกิด ลักษณะนี้ตาย 
แต่แท้ที่จริงมีใครเกิดใครตายเล่า ธรรมชาติล้วนๆ
....................................................
ภวังค์จิต(ธาตุรู้)นั่นแหละ...คือดวงชีวิต

มันลุกโพลงตลอดเวลาอย่างถี่ยิบ
เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป รวดเร็วจนรู้สึกว่ามีก้อนเดียว..ดวงเดียว
มันเป็นของหลอกชัดๆ ฃพรางตาและมายาอย่างเหลือเกิน

เหมือนเราแกว่งดุ้นฟืนไปมาเร็วๆ เราเห็นเป็นสาย 
ถ้าแกว่งเป็นวงกลม เราเห็นเป็นวงกลมทั้งๆที่ก็แค่ดุ้นไฟ

เพราะฉะนั้น..ความคิด ความรู้สึก หาใช่ดวงจิตไม่
แต่มันต้องอาศัยภวังค์จิตเป็นที่ตั้งอาศัย 
เหมือนฉายหนังย่อมต้องมีจอ

และหากความนึกคิดไม่มี การเคลื่อนไหวทางกาย วาจาก็มีไม่ได้ 
.........เป็นชีวิตไม่ได้........

...ดวงชีวิต อันนี้มีเหตุปัจจัย 
คือกาย อวิชชา ตัณหา กรรม จับกลุ่มกัน
ผู้จุดดวงไฟ ก็คืออวิชชานั่นเอง

เมื่อเกิดการแตกแยกของ4สิ่งที่จับกลุ่ม
มันก็มิใช่การแตกแยกที่เด็ดขาด 
หากแต่เป็นการย้ายที่ตั้งใหม่ 
เพราะมีนามธาตุเหลือเชื้ออยู่
อวิชชาก็กลับมาจุดดวงไฟชีวิตใหม่อีก

เราสมมุติการแตกแยกแต่ละครั้งว่า"ความตาย"
เป็นการตัดงบบัญชี
ผลบุญผลกรรม..มันติดอยู่กับตัวอวิชชา 
จึงไม่แปลกที่มันจะติดตามส่งผล

การปฎิสนธิในท้องคนท้องสัตว์มิใช่สิ่งแปลก 
เพราะกฎธรรมชาติมีความจริงว่า

สิ่งที่เหมือนกันย่อมอยู่ด้วยกัน สิ่งที่ต่างกันย่อมผลักไส
นามรูปหรืออวิชชา 
ย่อมเลือกกำเนิดดวงไฟดวงใหม่ที่เหมาะสมกับตน

.....อยากหยุดลุกโพลงๆ ก็ต้องหยุดตัวหลง
เลิกหลงว่านามธาตุนั้นมันคือเรา
มันคือกลุ่มธรรมชาติที่จับกลุ่ม 
ใครทุกข์ ใครสุข ใครหลุดพ้นเล่า....

ไม่มีเลย มีแต่ความหลง ที่หล่อเลี้ยง
แล้วสาดตัวตัณหาความอยากสารพัด

เป็นน้ำมัน เป็นเชื้อเพลิง ให้ดวงไฟชีวิตนี้ ไม่มีวันดับจริง
( มหาโพธิพระอวโลกิเตศวร )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์