ลูกรัก...
เป็นไปได้หรือว่า มหาบุรุษผู้ตั้งปนิธานอุทิศตนช่วยเหลือสรรพสัตว์ทุกภพทุกชาติ เป็นเวลานับอสงไขย แสนมหากัปป์
จะยอมปล่อยวางปณิธานอันแรงกล้า
เมื่อตรัสรู้พระชาติสุดท้าย และทรงสั่งสอนปวงสัตว์แค่45ปี
เป็นไปได้หรือ...ที่พระพุทธเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยมหาปัญญาและมหากรุณา จะสิ้นสุดการทำหน้าที่อันยาวนานของพระองค์ไว้แค่เพียงการปรินิพพาน ที่เมืองกุสินารา
จากนั้น...ก็ทิ้งปวงสัตว์ที่ยังมีธุลีในดวงตา
"ให้ไร้ที่พึ่ง"
ความจริงแล้ว ภาวะพระพุทธเจ้าไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา เพราะเนื้อแท้ของพระพุทธเจ้า คือพระปัญญาคุณ พระกรุณาคุณ และพระบริสุทธิ์คุณ
และพระคุณทั้ง3นี้ จะถูกแปรเป็นมหาอุบายในรูปแบบต่างๆ เพื่อยังประโยชน์หลากหลายระดับ
การประสูติของพระองค์จึงเป็นมหาอุบายอย่างหนึ่งที่มีเป้าหมายเฉพาะ เมื่อทำหน้าที่เฉพาะกิจจบ พระสรีระอาจจะดับ แต่"พระพุทธคุณ"มิได้ดับ"ไปด้วย
และความกรุณาอันไร้ขีดจำกัดนี้ จึงเป็นความสามารถเหนือธรรมชาติ ที่แทรกซึมในทุกสรรพสิ่ง
พุทธานุภาพ จึงเป็นพลังงานที่แทรกซึมได้ ในทุกวัตถุธาตุ แม้รูปเหมือน อักขระ บทสวดมนต์พระพุทธรูป ท้องฟ้า ภูเขา ดวงดาวหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ หรือแม้แต่"จิต"มนุษย์
ดังนั้น การตรัสรู้ของพระองค์มีมานานแล้ว
แต่การปรากฏในโลกในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก็ เพื่อเป้าหมายที่จะเอื้อประโยชน์ ในการสั่งสอนธรรม
คือธรรมไตรลักษณ์ อนิจจัง อริยสัจ รวมทั้ง การเกิด แก่ เจ็บตาย ให้เห็น
เพื่อปวงสัตว์ได้เกิดความอบอุ่นในตัวตนที่มีของพระพุทธเจ้า และเชื่อในกฏแห่งกรรม ธรรมอิงอาศัย เช่น อิทัปปจยตา หรือปฏิจสมุปบาท
แต่ท้ายที่สุดแล้ว... ปวงสัตว์ก็จะหยั่งถึงพุทธจิตในจิตตน แล้วเดินสู่"เอกยาน"เหมือนกันหมด
ยานที่เป็นหนึ่งเดียว กับพระพุทธเจ้าทั้งปวง
โอวาทธรรมอาม่า#พระเชนเรซิก#
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น