ถ้ายัง ตัดวงจร โลก
คือภาระ หนี้สิน การดิ้นรน การดำรงอยู่
ออกโปรดไม่ได้หรอก คุณต้องจบ ตรงนั้นจริงๆ
"แล้วเป็นคนตัวเปล่า"
ทำไมอาม่าต้องสละความรักความพอใจโลกๆ ละเว้นจากครอบครัว ถือพรหมจรรย์
เพราะถ้ากลางวันออกโปรด ผู้คนกราบไหว้ เที่ยงมานั่งทำกับข้าว ซักผ้าปรนนิบัติครอบครัว
เช้าออกโปรดสอนธรรมะ แล้วมาด่าทอทะเลาะมีขัดแย้งกับที่บ้าน(การอยู่ร่วมมันต้องมี) กลางคืนเสพกาม ชีวิตก็คงไม่ต่างกับปุถุชน
ทำไมอาม่า ต้องใส่ชุดขาว กินมังสวิรัติ เพราะเป็นสื่อและตัวแทนของผู้โปรดที่จะต้องไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น
ทำไมอาม่าต้องสละเพื่อน สละสังคม สละงาน
เพราะถ้าออกโปรดผู้คนกราบไหว้
แล้วเช้าต้องตาเหลือกไปตอกบัตรนั่งทำงาน ดิ้นรน ให้เจ้านายด่า นั่งสนทนากับเพื่อนฝูง วิพากษ์วิจารณ์ นินทากันด้วยเรื่องโลกๆ
ต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้าน กลางคืนนอนมือก่ายหน้าผาก คิดรายได้ รายจ่าย หนี้สิน
"ก็คงเป็นอาม่าไม่ได้"
***เอาอารมณ์ที่ไหนมาออกโปรด*-*
หรือเป็นผู้มีเรื่องธุรกิจมาเกี่ยวข้อง การโปรดก็ต้องมีเรื่องค้าธุรกิจ ผลประโยชน์เข้ามา
นั่งโปรดไปขายไป คนนั้นซื้อมาก คนนี้ซื้อน้อย มีความเหลื่อมล้ำ มีคนพิเศษ ในกลุ่ม ในสายธรรมทันที
เป็น"อาม่า"จึงต้องสละวิถีทางโลกโดยเด็ดขาดสิ้นเชิงและหลอมรวมให้ชีวิตกับธรรมเป็นสิ่งเดียวกัน
เหตุุผลสำคัญคือ...
คนทั่วไป ประกอบอาชีพการงานด้วยความยากลำบาก เพื่อได้มาซึ่งวัตถุเงินทองข้าวของมาเลี้ยงชีวิตตนและครอบครัว
แม้เหน็ดเหนื่อย เขาก็ยังต้องต่อสู้ ต้องดิ้นรน
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็อยากได้บุญกุศล จึงพยายามสละสิ่งที่เหน็ดเหนื่อยยากลำบากมาดูแลเรา
ก่อนเขายกอาหารมาให้ ก่อนที่เขาถวายสิ่งที่เขาสละ เขายกขึ้นท่วมหัวแล้วตั้งจิตอธิษฐาน
ครั้นถวายแล้ว ก็ถอยไป ย่อตัวยกมือไหว้
ที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการบุญกุศล และพรอันประเสริฐต่อชีวิตเขา
แล้วเรา มีความบริสุทธ์เพียงพอ มีบุญกุศลเพียงพอ มีจิตที่สละเพียงพอ มีวิถีชีวิตที่บริสุทธิ์เพียงพอหรือยัง
ประพฤติตนสมควรไหม ที่จะรองรับการกราบไหว้ของลูกหลาน
"คุณจะรองรับ แรงอธิษฐานของดวงจิตมากมายเหล่านั้นไหวหรือ"
ถ้าไม่งดงามทั้งต่อหน้าและลับหลัง
อาม่าคิดเสมอ และระวังกาย วาจา ใจของตนเสมอ
อาม่ารู้คุณค่าน้ำพักน้ำแรงของลูกหลาน
ที่สำคัญ ไม่มีสิ่งใด ที่ยิ่งใหญ่กว่าพระโพธิญาน จึงไม่มีอะไร หรือมายาแห่งสุขใด ที่มีค่าพอ ที่จะแลกกับ...มหาปนิธาน!!!
อาม่า#พระเชนเรซิก#
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น