บุญที่ยังหวังผล คือบุญโลกียะ ที่ยังทำเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
แต่ถึงอย่างไร เหตุและปัจจัย ก็มีแรงเหวี่ยงต่อผลบุญในตัวอยู่แล้ว โดยอัตโนมัติ
อาม่าจึงสอนลูกๆให้ทำบุญโดยไร้ตัวตน ใบฏีกาผ้าป่าสายโพธิญาน จึงมีผู้ทำบุญโดยไร้ตัวตนในนามอื่นๆอาทิ เช่น
พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประธานใหญ่ร่วมกับพระอสุรินทราธิราช(พระราหู) และท่านอนันตนาคราช
ประธานร่วมและรองประธาน ก็มี หงไห่เอ๋อ ขุนพลบูรพา องค์หญิงหนี่วา องค์หญิงเหล่งนึ้ง องค์หญิงเหม่ยอิง วานรเทพ มารโลเก ปุโรหิตรพินนารทราชมนตรี องค์ชายกิมท้ง และอีกมากมาย
แต่ที่อาม่าปิติมาก คือแนวคิดนี้แพร่หลายไปยังพ่อค้าแม่ขาย และชาวบ้านด้วย
มีชาวบ้าน ร่วมเป็นประธานแจ้งมา
เทพทันใจ 1000 บาท
พ่อปู่เลียบโลก 500 บาท(รองประธาน)
ฮาหนัก คือ มีร้านค้าร่วมเป็นประธาน
ใช้นามว่า "สัมภเวสี 1000บาท555+
ลูกเอ๋ย...อาม่าไม่เคยหมิ่นเงินมากน้อย ถ้าคนๆหนึ่ง ทำได้แค่200บาทเพราะฐานะไม่อำนวย เป็นได้แค่กรรมการ
แต่เงินนั้นหามาด้วยความบริสุทธและจิตที่ตั้งมั่น บริสุทธ์ ผู้รับบริสุทธ์
ใช่ว่าแรงบุญจะส่งตามที่เขา เป็นได้แค่กรรมการก็หาไม่
ทำบุญบาทเดียวหากจิตบริสุทธ์ ก็คือบุญบริสุทธ์
สมัยพุทธกาล มีการสร้างวัด แล้วมีชาวบ้านยากจนคนนึงเอาเงินมาร่วมแค่เฟื้องเดียว หรือสลึง
พระที่รับบิณฑบาตรมาเห็นว่าเงินเล็กน้อยไร้ค่า โยนข้างป่า
ผลปรากฎว่า วัดนั้น สร้างยังไงก็ไม่เสร็จ มีรูรั่วบนหลังคา ปิดยังไงก็ไม่สนิท
จนพระพุทธเจ้าส่องพระญาน หาสาเหตุ
เห็นเงินเฟื้องนั้นและแรงอธิษฐานอันแรงกล้า
ใช้ให้พระภิกษะรูปนั้นไปหา ให้เจอให้ได้
จวบจนได้เงินนั้นมา วัดนั้นจึงสร้างสำเร็จ
อาม่าไม่หมิ่น เงินน้อยเงินมาก ร่วมด้วยช่วยกัน
เราอาจตั้งประธาน รองประธาน กรรมการ ตามสมมุติบัญญัติและเผื่อ คนที่มีกำลัง
แต่ค่าของบุญนั้น อาม่าถือว่า เท่าเทียมกันด้วย"จิต"ที่บริสุทธ์ค่ะ
คือผู้ให้(ผู้ร่วมบุญ) และ ผู้รับ (อาม่า)
ต่างบริสุทธิ์ด้วยใจหวังสร้างศาลาธรรมทิ้งไว้ให้โลกเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา
ทุกแรงบุญจึงเสมอกัน ด้วยแรงอธิษฐานร่วมและจิตอันเป็นกุศลค่ะ สาธุ
อาม่า#พระเชนเรซิก#
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น