วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เมื่อใดที่รู้จักตนเอง ย่อมรู้ว่า "ทั้งคน ทั้งจิต ทั้งนิพพาน ทั้งสังสารวัฏ"

ในภาพอาจจะมี 1 คน, แมว และ แว่นกันแดด
No have map for my life!! 
because every things have answer itself


ไม่มี แผนที่ใดๆสำหรับชีวิต ข้าพเจ้า
ทุกๆสภาวะที่เกิด

คือทุกขณะแห่งความเป็นตถตา
"เช่นนั้นเอง"
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ข้อความ

บุคคลบางประเภท
อ่านตำราแล้วคิดว่าตนเองตีความ พุทธวจนะได้อย่างลึกซึ้ง

คิดว่าตนเองเข้าถึงอนัตตาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

แล้วยึดถือ ส่วนที่ตนเองเข้าใจได้ว่าเป็น
"ความจริงอันเบ็ดเสร็จเด็
ดขาด"

เขาไม่เคยเฉลียวใจเลยว่า 
ความยึดมั่นในรูปแบบของความเห็นแจ้งนั่นแหละ คือ ภูเขาที่ขวางกั้น

เป็นสิ่งกีดขวางอันเร้นลับสูงสุด

เพราะ การไม่รู้จักตนเอง
จึงต้องการพระพุทธเจ้า และสร้างข้อแม้แบบอย่างขึ้น
มา

สร้างพระพุทธเจ้าตามทัศนะตนเอง 
ห่อหุ้มรูปแบบตนเอง ปฎิเสธและกอดรัด ด้วยตัณหาอุปาทาน

กลายเป็นสัญญาความจำอันเหนียวแน่น ยากจะสลัด

แต่เมื่อใดทีรู้จักตนเอง เขาย่อมรู้จักพระพุทธเจ้า

เมื่อเขาเป็นความว่าง พระพุทธเจ้าของเขาก็ว่างด้วย หายไปด้วย 

ความยึดถือ ที่เที่ยวตระครุบโน่น ตระครุบนี่ ก็จะหายไปด้วย

การแสวงหาก็สิ้นสุด เพราะไม่มี"ผู้แสวงหาที่พึ่ง และไม่มีผู้ที่เป็นที่พึ่ง"อีกต่อไป

รู้จักตน รู้จักทั้งโลก
ชนะตน ชนะทั้งโลก

เมื่อใดที่รู้จักตนเอง ย่อมรู้ว่า...."ทั้งคน ทั้งจิต ทั้งนิพพาน ทั้งสังสารวัฏ"
ล้วนเป็นความ
ว่างที่เสมอเท่ากันหมด


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


การปฎิบัติทั้งหมด เป็นไปเพื่อการสร้างกรรม เราอาจเรียกว่า เครื่องปิดบังพุทธะ
ครั้นเครื่องปิดบังจิต เกิดขึ้นแล้วโซ่แห่งความคิดปรุงแต่ง
โดยความเป็นเหตุ เป็นผล(ทวิภาวะ)จะร้อยรัดเธออย่างแน่นแฟ้น

มันจะลากตัวเธอกลับไป สู่ภาวะแห่งบุคคล ที่ไม่สามารถหลุดพ้นแต่ประการใดเลย
ธรรมะทั้งหลายที่คนอวดรู้ ว่าสามารถนำคนไปตรัสรู้ ไม่มีความจริง
พระพุทธวจนะ ทั้งหลายเป็นเพียงเครื่องล่อ จูงคนออกมาเสียจากความมืดบอด
(หมายถึงออกมาจากอวิชชาคือทำดีแต่ไม่หลุดพ้น)

มันเหมือนคนเลี้ยงเด็กที่เอาใบไม้สีเหลืองล่อและบอกว่าทองคำ เพื่อให้เด็กหยุดร้องไห้
สัมมาสัมโพธิญาน เป็นชื่อแห่งการเห็นแจ้งว่า"ไม่มีธรรมใดเลยที่ไม่เป็นโมฆะ"
(หมายถึง ความยึดมั่นถือมั่น)

เมื่อเข้าใจความจริงอันนี้ ของหลอกเล่นอันนั้นจะมีประโยชน์อันใด
......ท่านฮวงโป เซน.......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์