หากเอาความยึดถือ...ออกทั้งหมด
จิตล้วนๆก็จะเป็นจิตบริสุทธิ์
จิตชนิดนี้ จะไม่เที่ยวออกรับเอาอะไรเป็นของตน
เพราะไม่มี "ตัวมันเอง"สำหรับเป็นเจ้าของสิ่งใด
.
...จิตเดิมแท้นี้ ไม่ต้องการพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เพราะภาวะความบริสุทธิ์นี่แหละ
คือ พระรัตนตรัยอันแท้จริง
แต่หากเกิดความคิดอันใดขึ้นมา นั่นไม่ใช่จิตเดิมแท้
แม้จะคิดนึกในทางดี คือบุญกุศลก็ตาม
มันก็ยังเกิดความเป็นตัวตน ที่ต้องการไป
หรือ.....
ทำอะไรให้ตนเองสักอย่างตามความต้องการอยู่ดี
.....เพราะฉะนั้น
ไม่ว่าความคิดชนิดใดเกิดขึ้นในจิต
ไม่ว่า อิริยาบถใด ให้พิจารณาว่า
นี่คือภาวะเดิมแท้หรือเปล่า
ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ต้องไปยินดี
ไม่ต้องไปยินร้าย ไม่ต้องไปกำหนด ให้ค่า หรือขัดเคือง
.
....ปัญญาชนิดนี้
จะเท่าทันสิ่งปรุงแต่ง ไม่ต้องไปจมปลัก
เวียนว่ายในมายาแห่งธรรม
ในทะเลแห่งบุญ-บาป
อย่างมิรู้จักจบสิ้น
|
ถ้าคิดเป็นคนดี... ต้องฝืนใจ... ต้องอดทนข่มกลั้น... ต้องรู้จักผิดชอบชั่วดี ต้องมีเหตุผล ต้องทำลายความคับแคบ ต้องมีความเสียสละให้อภัย ต้องมีเมตตาเป็นฐานแห่งใจ ต้องมีสติเป็นกำแพง ต้องมีปัญญาเป็นอาวุธ ต้องมีความเพียรเป็นความไม่ประมาท |
และไม่มีความรู้สึกเป็นตัวเป็นตน
ก็จะสามารถสงบ ดับเย็น และสว่างไสว
เข้าสู่อนันตกาลในที่สุด
|
อายตนะ6 คือประตูของทุกสิ่ง
เวลาคุณอ่านหนังสือ สมมุติบัญญัติกล่าวว่า "โกรธ" แล้วเวลาคุณโกรธจริงๆ มันเหมือนตัวหนังสือหรือเปล่า
ธรรมะ ก็เหมือนกัน คุณอ่านว่า สภาวธรรมเกิด แบบนั้นแบบนี้ แต่เวลา มันเกิดขึ้นจริงๆ มันแค่ชั่วขณะจิตเดียว เอาบัญญัติมานั่งเทียบเคียงไม่ทันหรอก
ใช้ชีวิตให้ สอดคล้องกับธรรมชาติ มีสติรู้ทันปัจจุบันขณะ หมดเขา หมดเรา หมดเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็จบ
อาจารย์ที่แท้จริง คือ อายตนะ6 ต่างหาก เป็นนรกก็ได้ เป็นสวรรค์ก็ได้ ทำให้เกิดทุกข์ได้ และใช้เป็นหนทางดับทุกข์ได้เช่นกัน
นิพพานนั้น ที่นี่ เดี๋ยวนี้จริงๆ นิพพานในอนาคต มันเป็นแค่การปรุงแต่งของจิตที่มีตัวกูคาดหวังว่าจะเอาเสมอ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น