วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เหตุใด อาม่าจึงเน้นสอน"ธรรมตถตา"

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง, ห้องรับแขก และ สถานที่ในร่ม

เหตุใด อาม่าจึงเน้นสอน"ธรรมตถตา"แก่ลูกๆ
ที่มีความหมายว่าทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง
(อิทัปปัจจยตาหรือปฎิจจสมุจบาท)

เหตุเพราะ ไม่ว่า เราจะมีวิถีธรรมตามจริตใด
จะเดินสายธรรมใดก็ตาม 

แต่เราก็ต้องมาจบ"มาสรุป"ที่องค์ธรรมนี้ทั้งหมด

พระพุทธองค์ทรงมุ่งสอนให้ขจัดความหลงผิด

คือ สำคัญผิดว่ามีตัวตน เราเขา สัตว์บุคคล 

ผู้ใดเข้าถึงตถตานี้ จะเกิดปัญญาญาน 
สามารถมองเห็นตามความเป็นจริงว่า 

ดีชั่ว-บุญบาป-ได้เสีย 
ลักษณะที่เป็นของคู่ต่างๆนั้น 

เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์บัญญัติขึ้นมา ตามความรู้สึก 
ที่มีอุปาทานแห่งการเป็นตัวตนเท่านั้น

แท้ที่จริง ของคู่เหล่านั้น 
ก็เป็นแค่กระแสปรุงแต่งแห่งธรรมชาติตามเหตุตามปัจจัย 
เหมือนกันหมด เสมอกันหมด มิได้มีคุณค่าสูงต่ำใดๆเลย

......แม้ปัญหาเรื่องเกิดตาย ก็หมดไป 
เพราะคำตอบระดับจิตอย่างพุทธะนั้น

ไม่มีคน ไม่มีการตาย ไม่มีการเกิด 
เป็นแค่กระแสปรุงแต่งธาตุตามธรรมชาติ 
ที่คนเราไปสมมุติบัญญัติ ว่า

สภาวธรรมชาติแบบนี้เกิด 
สภาวธรรมชาติแบบนี่ตาย

ลักษณะธรรมชาติแบบนี้เรียกว่า"แก่"
ลักษณะธรรมชาติแบบนี้เรียกว่า"เจ็บ"

แล้วก็ยึดมั่นกัน ปรุงแต่งจนเกิดความรัก โกรธ เกลียด สุข ทุกข์ต่างๆนานา

"ตถตา"นี้ ทำให้แจ่มแจ้งการเกิดดับแห่งทุกข์ 
สามารถถอนความยึดมั่นในตัวตนได้

ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีผู้กระทำ ไม่มีผู้รับผลกรรม 

ผู้นั้นจะถึง.ความสิ้นไปแห่งกรรมทั้งกรรมเก่ากรรมใหม่
ละไม่กลับมาเกิดอีกด้วยอำนาจตัณหาอุปาทานอีกต่อไป

การมองโลกและชีวิตที่ข้ามพ้นความเป็นคู่ (ทวิภาวะ)

คือการมองโลกในระดับจิตของพระพุทธเจ้า 

เพราะคนที่ตรัสรู้ รู้แจ้งแล้วนั้น 
โลกทั้งโลกของบุคคลนั้นเป็นเอกภพ 

เหลียวไปทางไหนก็เหมือนกันหมด เสมอกันหมด

จึงไม่เกิดความรักความชัง ความโลภความโกรธความหลงในสิ่งใด

กลายเป็นคนที่เหนือความสุขความทุกข์
เป็นอิสระและข้ามพ้นความยึดมั่นทั้งปวงได้

พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสเรียกพระองค์เองว่า
"เรา ตถาคต"แปลว่าผู้ถึงแล้วซึ่งตถตา!!!

จากการ แสดงธรรมที่ผ่านมา ลูกๆอาม่าสว่างในธรรม
และยกระดับจิตวิญญานกันอย่างต่อเนื่อง

และนั่น ก็คือ "แรงใจ"ที่ทำให้อาม่ารู้ว่า
สถานธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

คือการที่อาม่าได้สถิตใน"หัวใจ"ลูกๆ
ในฐานะ อนันตประทีป แสงสว่างแห่งธรรม

ขอปัญญาญาน จงบังเกิดแด่ลูกๆโพธิญานทุกคน

อาม่า#พระเชนเรซิก#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์