|
จิต ที่มี ศีล สมาธิ ปัญญา เอ่ยวาจาอันใด ก็เป็น มนต์ |
มนต์ ฤา มหามนต์ เป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวน้อมนำ
หากมหิทธานุภาพแห่งมนต์บังเกิดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับจิตที่ไม่ซัดส่าย
มนต์จะมีประโยชน์อันใด หากจิตไร้สมาธิ
ขณะเดียวกันถ้าจิตมีสมาธิ
กล่าวสิ่งใด ประโยคใดก็เป็นมนต์
คาถาและมนตรา ที่เป็นบัญญัติ เป็นอุปาทานสำหรับผู้ไม่รู้
แต่ยิ่งไม่รู้ ยิ่งได้ผล ยิ่งขลัง
ความขลังทำให้เกิดความมั่นใจ
ความมั่นใจทำให้จิตแน่วแน่
เมื่อจิตแน่วแน่ เจตนาก็จะมีพลังสัมฤทธิผลดังต้องการ
พระโพธิสัตว์ไม่ใช่ไม่รู้คาถาทุกบทเป็นอุปายะ
หากแต่นำมาพิทักษ์รักษาคุ้มครองได้
ด้วยเมื่อแปลความออกมาแล้ว
สรรพมนต์ทุกบท
ล้วนกล่าวสรรเสริญคุณแห่งพระพุทธเจ้า
ฉะนั้น ต่อให้รู้ว่าเป็นอุปายะก็ควรใช้
เพราะพุทธาคม ที่มาจากพุทธคุณ อันเกิดจากมนต์สูงสุดนั้น
" มีอานุภาพจริง"
ปกปัก รักษา คุ้มครอง
ผู้ที่มีจิตตรงแน่วแน่ในมนต์ได้จริง
เมื่อพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้ากระหึ่ม
อาม่าก็กำหนดฉัตรแก้วลงมาเป็นตาข่ายทองคำ
วนเป็นทักษิณาวรรตคลุมลงมา ในพิธีอย่างมั่นคง
เมื่อจิตเป็นเอกคตารมณ์ ความสว่างก็ปรากฏ ประภัสสร ครอบคลุมบริเวณ
ทั้งภาคทิพย์ ภาคหยาบ ต่างน้อมรับพุทธานุภาพ
ตัวรู้ผุดพราย เป็นความสว่างแห่งปัญญา
"สรรพสัตว์ต่างกันที่ กรรม และที่มา"
บางพวกมาสว่าง ไปสว่าง
บางพวกมาสว่างไปมืด
บางพวกมามืดไปสว่าง
บางพวกมามืดไปมืด
โอ้ พระจอมมุนี อันเป็นเลิศของโลก
สัจจะปนิธานแห่งข้า ที่กล่าวต่อหน้าพระพักตร์ จะอยู่ฉุดช่วยล่ำสัตว์ทุกจำพวก
จะไม่มีวันเป็นอื่น
อาม่า#พระเชนเรซิก#
"สรรพสัตว์ต่างกันที่ กรรม และที่มา"
บางพวกมาสว่าง ไปสว่าง
บางพวกมาสว่างไปมืด
บางพวกมามืดไปสว่าง
บางพวกมามืดไปมืด
โอ้ พระจอมมุนี อันเป็นเลิศของโลก
สัจจะปนิธานแห่งข้า ที่กล่าวต่อหน้าพระพักตร์
***จะอยู่ฉุดช่วยล่ำสัตว์ทุกจำพวก
จะไม่มีวันเป็นอื่น
โอม มณี ปัทเม หุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น