วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะกราบพระพุทธเจ้า แล้วปฏิเสธพระโพธิสัตว์

ในภาพอาจจะมี 1 คน, รองเท้า

 เชนเรซิก...ลูกพ่อ
  • พุทธกายของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เกิดจากมหาปนิธาน และพระคุณอันมหาศาลของเหล่าบุคคลที่เรียกว่า"พระโพธิสัตว์"มาก่อนทั้งสิ้น
  • ผู้ที่มีจิตตั้งมั่น สั่งสมความดีงาม ยาวนาน อันไม่มีประมาณ จนกำลังของจิตนั้น เข้มแข็งและบริสุทธิ์
  • และจิตที่บริสุทธิ์นั้นก็ต้องประกอบด้วยปัญญาญาน และมหากรุณา อันประมาณมิได้ด้วย
  • มหาปัญญา มหากรุณา เป็นพลังงานทางจิตที่สามารถสำแดงเป็นรูปลักษณ์อะไรออกมาก็ได้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเกื้อกูล
  • และรูปลักษณ์ในรูปแบบพระพุทธเจ้าก็มาจากพลังงานทางจิตอันไม่มีที่สุดนั้น
  • ความต้องการช่วยเหลือสรรพสัตว์เป็นธรรมชาติธรรมดาอยู่แล้วของบุคคลที่มีเชื้อแห่งโครตวงศ์คือหน่อเนื้อพุทธางกูร
  • และธรรมชาติแห่งการออกเกื้อกูลสรรพสัตว์นั้น ก็เกิดจากการหยั่งเห็นความจริงของการอิงอาศัยซึ่งกันและกัน(ตถตา)
  • สิ่งนี้ บ่มเพาะจากสติปัญญาอันหล่อหลอมมายาวนานในสังสารวัฏ เห็นความจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความจริงจึงไม่สามารถแยกขาดจากปัญญา
  • และเพราะมีปัญญา จึงเห็นความว่างใน"ความมี"
  • ในขณะเดียวกัน ก็เห็นความมีใน"ความว่าง"
  • สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนอาศัยกันเพื่อการมีอยู่
  • ไม่มีอะไรโดดเดี่ยวจากสิ่งอื่นได้ เช่น
  • ถ้ามนุษย์ไม่มี"จิต"ไปสัมผัส วัตถุทั้งหลายในโลกก็ไร้ความหมาย
  • แม้พุทธกาย แห่งพระพุทธเจ้า ก็มีได้เพราะเหตุปัจจัยกำหนดมาเช่นกัน ไม่ใช่ภาวะลอยๆแยกขาดจากทุกสิ่ง
  • ดังนั้น การมีพระพุทธเจ้าอุบัติในโลก ก็เพราะ มีบุคคลที่มีภาวะแห่งจิตอันยิ่งใหญ่พอ ที่จะกล้าข้ามผ่าน และรองรับทุกข์กายทุกข์ใจของสรรพสัตว์ ที่เรียกว่า "พระโพธิสัตว์นั่นเอง"
  • ***จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะกราบพระพุทธเจ้า แล้วปฏิเสธพระโพธิสัตว์****
  • เพราะถ้าบุคคลใดคิดเช่นนั้น เขาก็ยังเป็นผู้ที่ร่วงหล่นทวิภาวะ จิตยังตกอยู่ในการแบ่งแยก
  • และเข้าไม่ถึง อิทัปปัจยตาหรือธรรมปฎิจสมุปบาท ธรรมะแห่งการอิงอาศัยเลย
  • ลูกพ่อ...จงอย่าใส่แก่นสารใดๆลงในวิมุตติธรรม หรือปรมัตถ์ธรรม แล้วเส้นทางของเจ้าจะไร้ทิฐิธรรม ใดๆ หยั่งอยู่ในความว่างหรือสุญญตาวิหารธรรม
  • และวิหารธรรมนี้จะเป็นพลังงานหล่อเลี้ยงสังสารวัฎนี้ โดยมีมหาปัญญา มหากรุณาและมหาอุปายะเป็นฐานอันมั่นคงไม่คลอนแคลน
  • 3 สิ่งนี้ เมื่อมาหลอมรวมกันจะเกื้อกูลสังสารวัฏได้ หรือที่เรียกกันว่า"พุทธานุภาพ"นั่นเอง
  • #โอวาทธรรม จากพระบิดาอมิตภะตถาคตเจ้า#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์