วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ 4‬ อาณาจักร MU




ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน
‪#‎ตอนที่4‬ อาณาจักร MU
ผู้รับสาส์นจากต่างมิติ: Mr. Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่:บนเรือแถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก
-----------------------------------------------------------

  • หลังจากนั้นโลกนี้ก็เปลี่ยนไป ดังนั้นเราจึงอยากจะนำพวกคุณกลับไปที่เมื่อ 40,000 ปีก่อนหน้านี้มันมีอารยธรรมหนึ่งเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ และมันก็ใช้เวลาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างๆจริงๆ กว่า 5,000 ปี
  • มันคืออารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกมันไม่ได้ยิ่งใหญ่ในแง่ของจำนวนประชากรแต่ยิ่งใหญ่ในแง่ของ "ระดับจิตสำนึก" มันไม่ใช่อะไรที่พวกคุณจะสามารถเทียบติดได้เลยเพราะว่ามันเป็นหนึ่งในอารยธรรมตั้งต้นของมนุษยชาติ มันคืออาณาจักร “เลมูเรีย”

  • เรายังไม่เคยบอกว่ามันมีอายุยาวนานแค่ไหนเราก็เลยจะบอกซะเลยตอนนี้ว่าคุณจะว่ายังไงถ้ามีอารยธรรมไหนยืนยงอยู่ได้ยาวนานถึง 20,000 ปี? และพวกเขาก็อยู่กันอย่างสันติซะด้วย
  • มันอาจจะฟังดูพิลึกๆ อยู่ใช่ไหม แต่สิ่งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นบนโลก เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกคุณรู้และเทียบกับประวัติศาสตร์ที่พวกคุณบันทึกเอาไว้ มันไม่มีสิ่งใดที่จะใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลย
  • นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณอาจจะบอกว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสังคมไหนอยู่ได้นานขนาดนั้น”
  • จริงๆ แล้วมันก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้หรอก แต่ว่านี่แหละมนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย นี่แหละคือความตั้งใจหละ ความตั้งใจที่จะไม่ให้มันเหลืออะไรเอาไว้ให้เห็นเป็นหลักฐานยังไงหละ และดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็ทำได้ดีมากซะด้วย ที่สามารถลบร่องรอยของหลักฐานการมีอยู่ของอารยธรรมมนุษย์ออกไปได้อย่างหมดจดเช่นนี้
  • ลองหันกลับมาดูสิ่งที่พวกคุณกำลังเรียนรู้กันอยู่ในขณะนี้สิ พวกคุณจะไม่พบหลักฐานอะไรที่มีอายุยืนยาวไปกว่า 4,000 ปีเลย เพราะว่าพวกมันได้ถูกกระแสน้ำพัดพาไปจนหมดแล้ว หรือเน่าเปื่อยผุพังไปจนหมดแล้ว หรือไม่ก็ถูกฝังอยู่ใต้ดิน หรือไม่ก็ถูกคลื่นซัดและหายไปตลอดกาลแล้ว
  • และเพื่อที่จะทำให้กระบวนการลบล้างนี้ เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในครั้งกระโน้นอารยธรรมนั้นจึงตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เคยอยู่ "กลางมหาสมุทรแปซิฟิก" แต่ตอนนี้ไม่มีแผ่นดินนั้นอยู่อีกต่อไปแล้ว
  • ถ้าพูดถึงช่วงเวลาอารยธรรมเลมูเรีย เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 50,000 ปีที่แล้ว และใช้เวลาประมาณ 10,000 ปีในการรวบรวมกันขึ้นเป็นชุมชน และใช้เวลาอีก 5,000 ปีในการรวมกันขึ้นเป็นสังคมที่มีศูนย์กลางการปกครองเดียว
  • อารยธรรมของชาวเลมูเรีย เจริญรุ่งเรืองสุดขีดในช่วง 35,000–15,000 ปีที่แล้ว แต่จงจำไว้ว่าสิ่งต่างๆในสมัยนั้นจะมีอายุยืนยาวมากๆ และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดำเนินไปอย่างช้าๆ สิ่งที่พวกคุณสามารถทำได้ภายในระยะเวลา 1 ปี ในสมัยนั้นพวกเขาอาจจะใช้เวลาทำถึงหลายร้อยปีก็ได้
  • เรื่องของภาษาก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง เพราะว่าการสื่อสารยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขาอยู่ รวมถึงเรื่องการเดินทางก็เป็นไปด้วยความล่าช้ามากๆ และการปกครองโดยผู้มีอำนาจสูงสุด ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย 
  • ทุกวันนี้พวกคุณอาจจะจัดประชุมกันได้วันละสองครั้ง แต่ในสมัยนั้นพวกเขาอาจจะจัดได้แค่ปีละสองครั้งเท่านั้น แต่ปกติจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
  • พวกเขาจะรับรู้เกี่ยวกับกาลเวลา แตกต่างไปจากพวกคุณมาก เพราะว่าพวกเขาดำรงอยู่ภายในการตระหนักรู้แบบควอนตัม (อยู่แบบในรูปพลังงาน–ผู้แปล) ซึ่งเป็นสภาวะที่เกือบจะไร้กาลเวลาเลยทีเดียว
  • เราขอกลับไปที่อารยธรรมเลมูเรียอีกครั้งหนึ่ง เราจะขอบรรยายลักษณะของโลกในยุคนั้นให้พวกคุณฟังซะก่อน เพราะว่ามันเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากยุคนี้มาก
  • หลายคนอาจจะหัวเราะเยาะ และเยาะเย้ยถากถางหรือตลกขบขันกับคำกล่าวนี้ก็ได้ 
  • มหาสมุทรแปซิฟิกนั้นกว้างใหญ่มาก “มันไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลยที่มันจะไม่มีน้ำอยู่นอกจากจะเป็นเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว”
  • ไม่จริงเลย เราไม่ได้บอกว่าทั้งหมดของมัน แต่เราบอกว่าเพียงบางส่วนของมัน เฉพาะส่วนที่อาณาจักรเลมูเรียตั้งอยู่เท่านั้น เดี๋ยวเราจะวาดภาพให้พวกคุณดู
  • ดาวเคราะห์โลกเคยหมุนรอบตัวเองด้วยแกนที่เอียง 28 องศา นั่นคือเมื่อก่อนโน้นไม่ใช่ในตอนนี้ยิ่งกว่านั้นสภาพทางธรณีวิทยาของดาวเคราะห์โลกเมื่อ 40,000 ปีก่อนก็แตกต่างไปจากปัจจุบันนี้เป็นอย่างมากด้วย
  • พวกคุณเคยอยู่ในช่วงปลายของยุคน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาก่อนและพวกคุณก็เคยประสบกับมันมาก่อนแล้วอุณหภูมิของดาวเคราะห์โลกใบนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในที่มีอยู่ในโลกว่ามากน้อยแค่ไหนวัฏจักรน้ำบนโลกเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของโลกและกระแสลมสิ่งที่เรากำลังจะบอกก็คือความแตกต่างกันอย่างมหาศาลของโลกในยุคนั้นกับในยุคนี้
  • ในยุคนั้น1ใน3ของน้ำที่มีอยู่บนโลกคือน้ำแข็งนั่นจึงทำให้มหาสมุทรในยุคนั้นมีความแตกต่างกับในยุคนี้ที่พวกคุณรู้จักเป็นอย่างมาก
  • เราขอนำพวกคุณกลับไปที่อาณาจักรเลมูเรียอีกครั้งหนึ่งโลกในยุคนั้นหนาวเย็นกว่าในยุคนี้เป็นอย่างมากพวกคุณบางคนอาจจะพอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งมีชีวิตบนโลกถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกลดต่ำลงไปแค่ครึ่งองศาเท่านั้นนั่นก็สามารถทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญได้แล้ว
  • ตอนนี้เราอยากจะบอกพวกคุณว่าลองจินตนาการดูเอาเองเถิดว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในยุคนั้นต่ำกว่าในตอนนี้ 8 องศาเซลเซียสมันจะทำให้เกิดความแตกต่างกันของบรรยากาศ และของระดับน้ำทะเลมากแค่ไหน
  • ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยในมหาสมุทรในตอนนั้นต่ำกว่าในตอนนี้ถึง 133 เมตรหรือประมาณ 400 ฟุตพวกคุณพอจะนึกภาพออกไหมว่าทวีปต่างๆของพวกคุณน่าจะมีหน้าตาอย่างไรถ้าผืนแผ่นดินอยู่ต่ำกว่าทุกวันนี้อีก 400 ฟุตส่วนของภูเขาที่จมอยู่ใต้น้ำในตอนนี้ก็จะโผล่ขึ้นมามันจะแตกต่างไปอย่างมาก ใช่ไหม?
  • อาณาจักรเลมูเรียเคยยืนยงอยู่ได้นานถึง 20,000 ปีรอบๆฐานของเกาะที่พวกคุณเรียกกันว่า“เกาะฮาวาย” ซึ่งมันเคยเป็นและยังเป็นภูเขาที่มีความสูงมากที่สุดในโลกถ้าวัดจากฐานของมันชาวเลมูเรียพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในแอ่งในหุบเขาที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลและรอบๆอาณาจักรของพวกเขาก็โอบล้อมไปด้วยน้ำแต่ว่าทะเลหลักๆทั้งหลายก็ถูกกั้นไว้ด้วยแนวเขาสูงต่างๆมากมายที่ทุกวันนี้ไม่สูงอีกต่อไปแล้วแต่ว่าแนวเขาเหล่านั้น
  • ก็ตั้งอยู่บนแนวรอยต่อของเปลือกโลกและนี่แหละคือการตระเตรียมการคือสถานการณ์ ที่สลับซับซ้อน
  • แต่ว่ามันมีแผ่นดินอยู่ในบางส่วนของก้นมหาสมุทรแปซิฟิกจริงๆชาวเลมูเรียก็รู้อยู่แก่ใจตลอดเวลาว่าพวกเขาเสี่ยงต่อการจมอยู่ใต้ทะเลและควรจะย้ายขึ้นไปอยู่ในที่ๆสูงกว่าแต่ตราใดที่อุณหภูมิของโลกยังคงเย็นอยู่พวกเขาก็เลยยังไม่เป็นอะไร
  • แต่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเงาของ“จุดร้อน”ที่ๆพวกคุณเรียกกันว่ารอยเลื่อนของเปลือกโลกขนาดใหญ่(Tectonic plates)
  • และพวกเขาก็รู้ว่ามันอาจจะเลื่อนอีกซักวันเพราะว่ามันก็เคยเลื่อนมาก่อนหน้านั้นแล้ว
  • เกาะที่พวกเขาพึ่งพาอาศัยอยู่ทั้งหลายก็ล้วนแต่เคยเป็นภูเขาไฟที่ยังตื่นอยู่มาก่อนทั้งนั้นดังนั้นพวกเขาจึงตกอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทุของภูเขาไฟเหล่านี้
  • เรามีอะไรอีกหลายอย่างที่จะบอกพวกคุณเกี่ยวกับเลมูเรียดังนั้นเราไปที่เรื่องเส้นทางแห่งจิตวิญญาณกันเถอะ
  • ในช่วงระยะเวลา20,000ปีของอาณาจักรเลมูเรียนั้นมีจิตวิญญาณที่ได้ผ่านเข้ามาในโลกใบนี้ในฐานะชาวเลมูเรียจำนวนทั้งสิ้น 350 ล้านคน
  • แต่นี่ไม่ใช่ในแบบที่หลายคนเข้าใจว่าพวกเขาสืบทอดเผ่าพันธุ์มาได้800ชั่วอายุคนหรอกนะเดี๋ยวเราจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟัง
  • มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะผู้ร่วมงานเอ๋ย (นาย Lee – ผู้แปล) เพราะมันเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้นดังนั้นแปลให้มันถูกต้องนะชาวเลมูเรียไม่ได้เวียนว่ายตายเกิดกลับมาเป็นชาวเลมูเรียนอีกหรอกนะเรากำลังจะบอกว่าจิตวิญญาณของชาวเลมูเรียทั้ง350ล้านดวงนี้เป็นจิตวิญญาณคนละดวงกันทั้งสิ้น(ขออนุญาตใช้คำว่า“ดวง”เป็นสรรพนามเรียก“จิตวิญญาณ”ตามแบบไทยๆนะครับแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นดวงจริงๆก็ตาม–ผู้แปล)
  • เป็นจิตวิญญาณของใครของมันและก็ไม่ได้เป็นจิตวิญญาณของมนุษย์ธรรมดาๆเท่านั้นด้วยแต่เป็นจิตวิญญาณของทวยเทพทั้งหลายที่ลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในอารยธรรมเลมูเรียและพวกเขาเมื่อตายจากไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ในอาณาจักรนี้อีกด้วยพวกเขาแต่ละคนเป็นผู้มาครั้งเดียว
  • อัตราการเกิดของพวกเขาแตกต่างจากของพวกคุณมากไม่ใกล้เคียงกับของพวกคุณในทุกวันนี้เลยและมันก็ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นแบบรูปเรขาคณิตเหมือนกับของพวกคุณด้วยซ้ำไปเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
  • ในทางชีวภาพแล้วมันมีเหตุผลอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้ชาวเลมูเรียไม่มีลูกมากนักนั่นก็คืออุณหภูมิของโลกและสภาพสังคมของพวกเขาในตอนนั้นในยุคนั้นมนุษย์ไม่ได้มีลูกง่ายๆเหมือนทุกวันนี้หรอกและเพราะอุณหภูมิที่ต่ำนี้ก็ได้ช่วยส่งเสริมให้วิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของพวกเขาเป็นไปได้ดีเท่าที่ต้องการอีกด้วย
  • ดังนั้นสิ่งที่พวกคุณทุกคนต้องรู้ก็คือวัฒนธรรมของชาวเลมูเรียเป็นวัฒนธรรมแห่งจิตวิญญาณและทั้ง350ล้านชีวิตของพวกเขาก็เป็นแบบเดียวกันนี้หมดด้วยนั่นจึงทำให้อารยธรรมของพวกเขาอยู่มาได้ยาวนานที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา
  • เดี๋ยวสักครู่เราจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังต่อ
Cr. ผู้แปล Chayutt

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดพลังแห่ง ความสุข.............

การให้เกียรติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่นขึ้นมาเห็นความจริงรอบตัว ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็น และรับรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัวเรา หรือสังคมของเรา แล้วเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆที่ตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น คุณอาจไม่เคยแยแส แม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ
คำว่า “การให้เกียรติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงในทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกียรติอยู่กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติต่อ บุคคล ให้เกียรติต่อสัญลักษณ์ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกียรติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกียรติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ในชีวิตเราและชีวิตท่านวันนี้คุณให้เกียรติคนที่คุณ "เกลียดชัง" พวกเขาแล้วหรือยัง.......

" โลกนี้จะร่มเป็นสุข อยากให้โลกนี้ดีงาม ให้เริ่มต้นที่ ใจ ตนเองเป็นอันดับแรก "

Glitter Photos

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์

พระเชนเรซิก อวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์